ชุดสืบ สงสัยการวางยาน่าจะทำ 2 คน ขณะที่ พบประวัติ เชอรีน ชอง เคยมีคดีหลอกชาวเวียดนาม ที่สหรัฐฯ

18 กรกฎาคม 2567, 07:25น.


           การคลี่คลายคดีชาวเวียดนามเสียชีวิต 6 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไล่ติดตามตามไทม์ไลน์ เพื่อดูว่าทำธุรกิจอะไร มีการประสานตม. และสถานทูต ตรวจสอบประวัติ



           พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือสารวัตรแจ๊ะ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. ควบคุมตัว นายฟาน หง็อก หวู (MR.PHAN NGOC VU) อายุ 35 ปี สัญชาติเวียดนาม ไกด์นำคณะผู้เสียชีวิตเที่ยว ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในตอนแรก มาสอบปากคำในฐานะพยาน นายฟาน ยอมรับว่า เมื่อปีที่แล้ว รู้จักกลุ่มผู้เสียชีวิต  1 คน



           มีรายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 3-5 ก.ค.67 น.ส.ธิ เหวียน เฟือง ลาน ให้ไกด์ไปซื้อยางู หมายเลข 7 ให้ ในราคายา 11,000 บาท พอไกด์รับออร์เดอร์มา ก็ไปสั่งต่อกับคนชื่อไทเกอร์ แล้วให้ไทเกอร์ประสานงานกับ น.ส.ถิ เหวียน เฟือง ลาน ว่าให้ไปส่งที่ไหน จากนั้นไทเกอร์ก็เอาไปส่งที่โรงแรม ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบแกะรอยกล้องวงจรปิด และหาว่าไทเกอร์ คือใคร



           รายงานระบุว่า ไกด์ ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า น.ส.ธิ เหวียน เฟือง ลาน เคยมาเป็นลูกทัวร์กับตนอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้รู้จักกันในระดับหนึ่ง ส่วนเหตุการณ์ดังกล่าว ตนได้รับการประสานจาก น.ส.ถิ เหวียน เฟือง ลาน ให้ไปซื้อยางู ซึ่งเป็นภาษาที่รู้กันทั่วไปในกลุ่มไกด์ทัวร์ที่มีลูกทัวร์เป็นคนจีนหรือเวียดนาม ว่ายาดังกล่าว คือ ยารักษาอาการปวดไขข้อ และยืนยันว่าไม่รู้เรื่องกับการวางยาพิษ เบื้องต้น ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จึงนำตัวยาดังกล่าวส่งให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ



           ขณะเดียวกัน ตำรวจ ได้เชิญ นายฮุ่ง อายุ 50 ปี สัญชาติเวียดนาม อดีตสามีของ น.ส.ธิ เหวียน เฟือง ลาน เข้ามาสอบปากคำที่ สน.ลุมพินี เนื่องจาก พบว่าเป็นผู้วิดีโอคอลกับ น.ส.ธิ เหวียน เฟือง ลาน ก่อนเสียชีวิต จากการสอบปากคำ นายฮุ่ง ให้การว่า เป็นข้าราชการที่เวียดนาม อยู่ระหว่างเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น มีลูกด้วยกัน แต่ปัจจุบันไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก่อนอดีตภรรยาจะเสียชีวิตได้คุยวิดีโอคอลกัน เชื่อว่านายฮุ่ง ไม่น่าจะมีส่วนรู้เห็นกับการวางยาพิษ



           มีรายงานว่า ชุดสืบสวนสงสัย น.ส.ธิ เหวียน เฟือง ลาน เป็นคนที่ชักชวนกลุ่มผู้เสียชีวิตมาร่วมลงทุน กับ น.ส.เชอรีน ชอง อายุ 56 ปี ชาวเวียดนาม สัญชาติอเมริกัน ซึ่งเป็นคนตั้งเรื่องชักชวนชาวเวียดนาม ระดมทุนประกอบธุรกิจโรงพยาบาลที่ประเทศญี่ปุ่น เป็น 2 ผู้ต้องสงสัย ก่อเหตุวางยาเพื่อนร่วมชาติ



           นอกจากนี้ ยังต้องติดตามประวัติของ น.ส.เชอรีน ชอง หลังจากที่มีการรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลาง สหรัฐอเมริกา หรือ เอฟบีไอ ได้ลงมาตรวจสอบที่เกิดเหตุในโรงแรมดังกล่าว เนื่องจาก มีผู้เสียชีวิต 2 ใน 6 รายที่มีสัญชาติอเมริกัน พร้อมประสานข้อมูลกับทางการไทย ทำให้ชุดคลี่คลายคดีพบประเด็นสำคัญ ว่า น.ส.เชอรีน ชอง เคยมีประวัติก่อเหตุในลักษณะฉ้อโกงมาก่อนหน้านี้ โดยพฤติกรรมคือราวปี 53 ที่เมืองซานฟรานซิสโก น.ส.เชอรีน ชอง ได้ออกอุบายชักชวนชาวเวียดนามที่มีความประสงค์จะขอสัญชาติอเมริกัน ว่าสามารถดำเนินการขอสัญชาติให้ได้โดยคิดค่าบริการเป็นค่าใช้จ่ายครั้งละ 5,000 USD หรือประมาณ 179,850ต่อคน ซึ่งมีชาวเวียดนามหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากตัวของน.ส. เชอรีน ชอง  เป็นชาวเวียดนาม ที่ได้รับสัญชาติอเมริกัน มีการยื่นเรื่องฟ้องร้อง แต่อัยการสหรัฐฯ สั่งไม่ฟ้อง ทำให้ไม่มีประวัติในการก่อคดี



          รศ.นพ.กรเกียรติ วงศ์ไพศาลสิน หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ และ ผอ.ศูนย์อำนวยการชันสูตรพลิกศพ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย แถลงสาเหตุการเสียชีวิตทั้ง 6 รายว่าเมื่อนำเลือดไปตรวจพิสูจน์คัดกรอง พบสารไซยาไนด์ และมีการนำไปตรวจย้ำอีกครั้ง เป็นผลบวก ทำให้แพทย์ตั้งข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า การเสียชีวิตอาจจะมีสารพิษดังกล่าว จึงจะต้องรอผลการตรวจเลือดยืนยันอีกครั้งอย่างละเอียด อาจจะใช้ระยะเวลา 1-2 วันต่อจากนี้ ว่ามีสารพิษชนิดอื่นด้วยหรือไม่



           พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. กล่าวถึงที่มาของสารไซยาไนด์ว่า ตำรวจได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ 2 ประเด็น คือเตรียมการนำเข้ามาก่อนเข้าประเทศไทย หรือหาซื้อในประเทศ ผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งได้สั่งการให้ตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.67 ที่กลุ่มผู้เสียชีวิตเริ่มเดินทางเข้าประเทศไปจนถึงวันที่ 12 ก.ค.67 และยอมรับว่า ขณะเดินทางผ่าน ตม. ไม่สามารถตรวจหาสารเหล่านี้ได้ รวมถึงไม่สามารถยืนยันว่า ผู้ใดคือผู้นำเข้า ต้องรอการสืบสวนให้เสร็จสิ้นชัดเจนก่อน



          สำหรับขั้นตอนหลังจากชันสูตรแล้ว ตำรวจจะรอรายงานผลการชันสูตรจากทางแพทย์เพื่อนำไปประกอบในสำนวน ส่วนครอบครัวที่ติดต่อมาขอรับศพ มีเพียงครอบครัวของสามีภรรยาที่เสียชีวิตที่มาสอบปากคำที่ สน.ลุมพินี



 



#วางยาเวียดนาม



แฟ้มภาพ 

ข่าวทั้งหมด

X