นิติเวชจุฬาฯ แถลงผลชันสูตร 6เวียดนาม ดับในรร.ดัง ชี้ทั้งหมดพบสาร 'ไซยาไนด์' ในเลือด เบื้องต้นตั้งเป็นสาเหตุหลักการเสียชีวิต รอตรวจละเอียดหาความเข้มข้น และหาสารพิษอื่นเพิ่ม ยันไม่เกิน 2 วันรู้ผลชัดเจน
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผอ.รพ.จุฬาลงกรณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงผลการชันสูตรศพผู้เสียชีวิต 6 ราย ที่ถูกวางยาในโรงแรมแห่งหนึ่ง พื้นที่ สน.ลุมพินี โดยกล่าวว่า ผลการตรวจร่างผู้เสียชีวิต รพ.จุฬาทำหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ ซึ่งเมื่อวันที่ 16 ก.ค. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุเวลา 17.00 น. จนไปถึง 18.00 น. ว่ามีการพบศพในโรงแรม จึงส่งทีมชันสูตรออกไปร่วมกับพนักงานสอบสวน
ทางด้าน นพ.กรเกียรติ วงศ์ไพศาลศิลป์ หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ และผอ.ศูนย์อำนวยการชันสูตรพลิกศพ คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย แพทย์ผู้ผ่าชันสูตร กล่าวว่า ทีมแพทย์ รพ.จุฬาฯ เข้าไปมีส่วนร่วมในการชันสูตรหลังได้รับแจ้งพบศพ จากนั้นได้นำร่างทั้ง 6 รายมาชันสูตรที่ รพ.จุฬาฯ ภาพรวมของศพทั้งหมด 6 ราย ประกอบด้วย หญิง 3 ชาย 3 หน้าที่ของศูนย์ชันสูตรคือ อันแรกพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล 2.ระยะเวลาเสียชีวิต โดยประเมินตั้งแต่ที่เกิดเหตุ เบื้องต้นทีมแพทย์ประเมินว่าเสียชีวิตมาแล้ว 12-24 ชั่วโมง ซึ่งได้มาจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ในศพทุกรายพบสอดคล้องกัน 3.สาเหตุการเสียชีวิต ได้ชันสูตรตั้งแต่รับศพเมื่อคืน มีการเก็บตัวอย่างเลือด ปัสสาวะ น้ำวุ้นลูกตาในรายที่เก็บได้ เพื่อไปหาสาเหตุการตายร่วม
มีการตรวจทีซีสแกน เพื่อหาร่องรอยอาการบาดเจ็บ เบื้องต้นไม่พบการถูกทำร้าย ขั้นตอนถัดมาผ่าแยกธาตุ ใน 6 รายนี้สิ่งที่ ปรากฎในทุกรายคือ มีร่องรอยของการขาดอากาศเกิดขึ้น ดูจากริมฝีปากมีสีม่วงเข้ม ใบหน้า รวมถึงการตกเบื้องต่ำของเลือด และปลายเล็บมือมีสีม่วง บ่งชี้ว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศร่วมด้วย อีกอย่างที่สำคัญคือการตกเบื้องต่ำของเลือด เป็นสีแดงสด แตกต่างจากเคสทั่วไป จึงตั้งข้อสันนิษฐานว่า อาจจะมีสารพิษมาเกี่ยวข้อง น่าจะเป็นไซยาไนด์ และตรวจสารพิษอื่นๆ ร่วมด้วย
จากนั้นเป็นการผ่าชันสูตร อวัยวะภายในไม่พบร่องรอยอะไรที่สำคัญ โดยพบการคั่งเลือดของอวัยวะทุกราย สาเหตุการเสียชีวิตของทุกคนมาจากพิษของสารไซยาไนด์ ส่งผลให้เกิดการขาดอากาศในระดับเซลล์ จากนั้นนำเลือดไปพิสูจน์คัดกรองสารไซยาไนด์ ให้สีที่เป็นบวก ต้องรอยืนยันผลตรวจเลือดในเชิงลึกอีกครั้ง 1-2 วันจากนี้
ด้าน รศ.นพ.ฉันชาย กล่าวถึงการลำดับผู้เสียชีวิต ว่าใครเสียชีวิตก่อนหรือหลังนั้น ไม่สามารถแยกได้ เนื่องจาก เราตรวจสอบจากการแข็งตัวกล้ามเนื้อ และการตกเลือด ที่บ่งบอกได้แค่ช่วงเวลาเท่านั้น แต่ไม่สามารถชี้ได้ว่าเสียชีวิตกี่โมง พร้อมยอมรับว่า การตามหาสารไซยาไนด์บนพื้นผิวของร่างกาย ต้องใช้ของเหลวในการสกัด แต่ครั้งนี้ทีมแพทย์ได้ใช้เลือดในร่างกายของผู้เสียชีวิตในการตรวจปกติแล้วการรับสารพิษไซยาไนด์ หากรับในระดับ 3 มิลลิกรัมต่อเลือด 1 CC จะเสียชีวิตทุกราย แต่กรณีนี้ต้องดูจากผลเลือดอย่างละเอียดอีกครั้ง จะให้คาดการณ์ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ แต่ถ้าทำให้เสียชีวิต ต้องมีปริมาณที่สูงมากกว่า 3 มิลลิกรัม ส่วนคนที่ได้รับสารไซยาไนด์ขึ้นอยู่กับปริมาณ และวิธีการนำสู่ร่างกาย เช่น การสูดดม การรับประทานเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วมักเกิดขึ้น เหนื่อย หอบ หมดสติ ชักเกร็ง นับเวลาเป็นนาทีได้ ล้มลง และเสียชีวิตเลย
ขณะที่ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสด์ รอง ผบช.น. กล่าวว่า สำหรับที่มาของไซยาไนด์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างไล่ไทม์ไลน์ของแต่ละคนว่าตั้งแต่เข้ามาประเทศไทยไปไหนมาบ้าง ไปพบใครบ้าง อยู่กับใครบ้าง จนถึงตอนกลับเข้ามาโรงแรมแล้วเสียชีวิต ส่วนการหาซื้อสารไซยาไนด์ในกรุงเทพหรือไม่นั้นก็มีหลายช่องทาง ทั้งสั่งทางเว็บไซต์ หรือหาซื้อจากบริษัทที่จำหน่าย แต่ก็มีกฎหมายควบคุมการซื้อขายและการใช้งานอยู่แล้ว แต่เขาอาจจะหาช่องทางการได้มา
ส่วนการนำติดตัวเข้ามาเองจากต่างประเทศนั้น ก็ยากที่จะตรวจสอบ ซึ่งได้ตั้งไว้ 2 ส่วน คือมีการเตรียมมาแล้ว และมาหาซื้อในไทย หลังจากนั้นยังต้องรอผลการตรวจสอบทุกอย่างอย่างละเอียด จึงจะได้ข้อมูลที่ครบถ้วน ซึ่งจะแถลงรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง
#ผลชันสูตร6เวียดนาม
#นิติเวชจุฬา
#ไซยาไนด์