ตร.ชี้ 1 ใน 6 เป็นคนวางยา คดีเวียดนามเสียชีวิต ปมหนี้สิน

17 กรกฎาคม 2567, 11:07น.


           การประชุมติดตามคดีการเสียชีวิตของชาวเวียดนาม 6 ศพ ในโรงแรมย่านราชประสงค์ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ประชุมที่ สน.ลุมพินี พร้อมทั้งเปิดเผยว่า เมื่อคืน(16 ก.ค.67) ได้เรียกลูกสาวของ 1 ใน 6 ของผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำ รวมถึงเรียกสอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ละคนให้การเป็นประโยชน์



           ตามข้อมูล เชื่อว่า มูลเหตุน่าจะมาจากเรื่องปัญหาหนี้สิน ไม่มีประเด็นอื่น คนก่อเหตุ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นนอกเหนือจาก 6 คนที่เสียชีวิต เพราะการตรวจสอบการเข้าออกห้องนี้ พบว่า มีแค่กลุ่มผู้เสียชีวิตเท่านั้น



          ส่วนเรื่องสารพิษที่ทำให้เสียชีวิต ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นสารชนิดใด ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) นำไปตรวจสอบก่อน



          อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ พฐ.ว่า สารที่พบในถ้วย มีลักษณะคล้ายกับไซยาไนด์ แต่มีฤทธิ์ที่แรงกว่า ทำให้เสียชีวิตได้อย่างเฉียบพลัน



          ประเด็นเรื่องที่มีกระแสข่าวว่า กลุ่มผู้เสียชีวิตมีหมายจับสากลติดตัว ยืนยันว่า ยังไม่มีข้อมูลเรื่องนี้



          รายงานข่าวยังระบุถึง ประเด็นที่ตำรวจได้ตั้งข้อสันนิษฐานเอาไว้ หลังจากทราบข้อมูลผู้เสียชีวิต 6 ราย มีการจองเข้าพักมา 7 คน แต่เช็คอิน 5 คน พบศพ 6 ราย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ตรวจสอบหาเบาะแส บุคคลที่ 7 พบแล้ว คาดว่า เป็นน้องสาวของ 1 ใน 6 คนที่เสียชีวิต ตอนนี้ได้ทราบชื่อทั้งหมด 7 คนแล้ว และคนที่ 7 คนนี้ ได้บินกลับประเทศไปตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.67 เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต และการเสียชีวิตในครั้งนี้ เกิดจากบุคคล 1 ใน 6 ที่เสียชีวิต เป็นผู้กระทำให้คนวางยาทั้งหมด ก่อนตัวเองจะเสียชีวิตเป็นรายสุดท้าย



         ความคืบหน้าคดี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล( รองผบช.น.) และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ แถลงที่สน.ลุมพินี ว่า 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ก่อเหตุ ส่วนบุคคลที่ 7 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่มีบุคคลภายนอกเข้าไปในห้อง คาดว่า มีปัญหาเรื่องเงินลงทุน 10 ล้านบาท นัดจะไปเคลียร์ที่ญี่ปุ่น แต่ติดขัดเรื่องวีซ่า จึงก่อเหตุในไทย ยืนยัน เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีแก๊งองค์กรข้ามชาติใดๆ





        การสอบสวนและซักถามพยานแวดล้อม รวมถึงญาติผู้เสียชีวิต ตรวจกระเป๋าทั้งหมด 8 ใบเรียบร้อยแล้ว ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายในกระเป๋า แต่พบเป็นเอกสาร จะนำส่งล่ามเวียดนามให้ทำการแปลอีกครั้ง



        การตรวจเชิงคุณภาพ พบ สารไซยาไนด์ ที่ถ้วย กาน้ำชา และแก้วกาแฟทั้ง 6 แก้ว เบื้องต้นจากการตรวจสารพิษในเลือดของ 1 ในผู้เสียชีวิตที่ร่างพิงกำแพงอยู่ในห้องพบว่ามีสารไซยาไนด์อยู่ด้วย ส่วนเรื่องของการเดินทางเข้าประเทศของทั้ง 6 คน ยืนยันว่าไม่มีหมายแดง (Red Notice)



         พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยรายละเอียด



-หญิงสัญชาติอเมริกัน อายุ 56 ปี อยู่ในห้อง 502 คนเดียว พนักงานนำอาหารและเครื่องดื่มมาส่ง พนักงานยืนยันนำอาหารไปวาง และพนักงานขอชงชาให้ แต่หญิงดังกล่าว บอกว่าจะจัดการเอง



-จากนั้นผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ห้องคนเดียว ตรวจสอบกล้องวงจรปิดชัดเจนว่าหลังจากนั้นอีก 5 คนเข้าห้องดังกล่าวแล้ว หลังจากเวลา 14.17 น. ไม่พบใครเข้าไปในห้องอีกเลย และไม่พบใครเดินออกมาด้วย



-ขณะที่ หญิงเสื้อชมพู อายุ 47 ปี และ ชายวัย 49 ปี ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน โดยถูกหญิงวัย 56 ปี เหมือนเป็นนายหน้าชักชวนลงทุน โดยสามีภรรยาร่วมลงทุน 10 ล้านบาทไทย มอบเงินให้หญิงวัย 56 ปีแล้ว และมีการทวงถามมาตลอดต่อเนื่อง นัดหมายจะไปเคลียร์ที่ญี่ปุ่นแต่ติดขัดวีซ่าเลยมาไทยแทน และจะไปไหว้พระที่วัดยานนาวาด้วย โดย หญิงวัย 56 ปี เจ้าของห้อง 502 เลยบอกจะเอาเงิน 10 ล้านไปลงทุนทำโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่น โดยสามีของหญิงวัย 56 ปีทำธุรกิจรับเหมาทำถนน ทั้งนี้ 1 ใน 6 คนนี้คือที่ทำให้เกิดเหตุโดยใช้สารไซยาไนด์


            ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้เปิดตำแหน่งพบร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย โดย 4 รายพบในห้องโถงนั่งเล่น อีก 2 คนเสียชีวิตอยู่ในห้องนอน


1.Ms.THI NGUYEN PHUONG (สวมชุดสีขาว) สัญชาติเวียดนาม อายุ 46 ปี เดินทางเข้า-ออกไทย 3 ครั้ง เช็กอินครั้งแรกพักห้อง 502 (เกิดเหตุ) ก่อนย้ายห้องไป 708 และพบศพที่ห้อง 502


2.Ms.THI NGUYEN PHUONG LAN สัญชาติเวียดนาม อายุ 47 ปี เดินทางเข้าประเทศไทย วันที่ 4 กรกฎาคม เคยเข้า-ออกประเทศไทย 17 ครั้ง ภายในวันที่ 12-15 กรกฎาคม เช็กอินห้องพัก 2 ห้อง ก่อนพบศพในห้อง 502


3.Mr.DINH TRAN PHU สัญชาติเวียดนาม อายุ 37 ปี อาชีพเป็นช่างแต่งหน้า เดินทางเข้าไทยวันที่ 12 กรกฎาคม เคยเข้า-ออกไทย 11 ครั้ง โดยเช็กอินห้องพัก 1219 ก่อนเปลี่ยนไปพักห้อง 726 และพบศพที่ห้อง 502


4.Mr.HUNG DANG VAN สัญชาติอเมริกัน อายุ 55 ปี เข้าไทยวันที่ 7 กรกฎาคม เดินทางเข้าประเทศไทย 1 ครั้ง ตอนแรกเช็กอินห้องพัก 1212 ก่อนย้ายไปห้อง 727 และพบศพที่ห้อง 502


5.Ms.SHERINE CHONG สัญชาติอเมริกัน อายุ 56 ปี เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม เคยเข้า-ออกไทย 5 ครั้ง ตอนแรกเช็กอินพักห้อง 504 ย้ายไปห้อง 808 และเช็กอินครั้งสุดท้ายห้อง 502 (เป็นเจ้าของห้องพักที่เกิดเหตุ) คาดว่าเป็นผู้ลงมือวางยาพิษ


6.Mr.PHAM HONG THANH สัญชาติเวียดนาม อายุ 49 ปี เดินทางเข้าไทย วันที่ 12 กรกฎาคม เข้าออกไทย 1 ครั้ง ไม่พบข้อมูลการเข้าพักในระบบของโรงแรม ก่อนพบศพที่ห้อง 502


            พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่ทุกคนลงเครื่องบิน ได้ตรวจสอบทั้ง 6 คน ว่าไปที่ไหนมาบ้าง โดยไม่พบการเข้าพักที่อื่น จึงต้องไล่ตรวจสอบว่าไปพบใครและไปที่ไหนบ้าง รวมถึงสอบที่มาของไซยาไนด์


            ผู้เสียชีวิตที่เข้าไทย 10 กว่าครั้งเข้ามาทำอะไร พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบการเข้ามาในไทยอย่างละเอียด


           พ.ต.ท.สัญญลักษ์ สังขะภักดี สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น.และชุดปฏิบัติการ 3/1 รับแจ้งจาก อาจารย์แพทย์นิติเวชศาสตร์ รพ.จุฬา แจ้งเบื้องต้นว่า พบสารพิษอันตราย ประเภท Super Toxin เป็นสารไซยาไนด์ ภายในร่างกายผู้เสียชีวิต ทั้งหมด 6 ราย ทางแพทย์จะแจ้งเพิ่มเติมผลการตรวจจากห้อง Lab ยืนยัน ให้ทราบผลการตรวจชัดเจนอย่างเป็นทางการ ได้ภายในวันพรุ่งนี้


 



#เวียดนามเสียชีวิต



#ปมหนี้สิน



#สารไซยาไนด์ 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X