หลังจากที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเปิดให้สมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติหรือสปช.ที่ยื่นคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการยกร่างฯ นาย เจษฎ์ โทณวณิก กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า โดยรวมเหตุผลของทั้งสองคณะสอดคล้องกับสิ่งที่ได้ยื่นแก้ไขมา ยอมรับว่ามีหลายประเด็นที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯต้องนำกลับมาคิดทบทวนใหม่ เพราะก็เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจและบางเรื่องเองก็ยังมีความเห็นต่างกันของทั้งสมาชิกสปช.และคณะกรรมาธิการยกร่างฯและบางประเด็นก็เป็นสิ่งที่ยังทำความเข้าใจได้ยาก เช่นในประเด็นสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปที่เห็นควรให้ยึดโยงคนนอกเข้ามามากขึ้น หลังจากคณะรัฐมนตรีเสนอให้สภาขับเคลื่อนการปฎิรูปมีอดีตผู้นำเหล่าทัพมาก อาจกลายเป็นการชี้นำได้ ซึ่งจะต้องนำมาทบทวนอีกครั้ง
รวมทั้งประเด็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญในการควบรวมองค์กรสิทธิมนุษยชนและผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย ส่วนระบบการเลือกตั้งทั้งสองกลุ่มไม่มีปัญหาใด แต่เห็นว่าควรลดอำนาจของสมาชิกวุฒิสภาลง โดยเฉพาะการให้อำนาจส.ว.ถอดถอนบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นการให้อำนาจมากไปเพราะส.ว.ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ทั้งสองกลุ่มก็เห็นด้วยกับการมีที่มาของส.ว.แบบพหุนิยมคือทั้งเลือกตั้งและสรรหา
นาย เจษฎ์ กล่าวว่า การให้อำนาจถอดถอนบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ควรให้สภานั้นๆ ที่มีบุคคลที่จะถูกถอดถอนดำเนินการเองโดยตรงไม่ข้ามสภากัน หรือใช้สภาร่วมในการลงคะแนนถอดถอน ซึ่งทั้งสองวิธีดังกล่าวเป็นรูปแบบการใช้ถอดถอนบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในต่างประเทศ หรืออาจต้องใช้กลไกอื่นในการถอดถอน
ส่วนประเด็นกลุ่มการเมืองนั้นทั้งสองกลุ่มไม่ได้เสนอให้ตัดทิ้ง แต่จากการฟังความเห็นของหลายฝ่าย คณะกรรมาธิการยกร่างฯก็ยอมรับว่าทุกฝ่ายได้เสนอให้ตัดกลุ่มการเมืองทิ้ง ซี่งจะต้องดูต่อไปว่าจะมีมาตรการใดที่จะเป็นการยึดโยงประชาชนแทน เนื่องจากการให้มีกลุ่มการเมืองของคณะกรรมาธิการยกร่างฯก็มีจุดประสงค์เพื่อให้ประชาชนที่ไม่ต้องการสังกัดพรรคใดได้ลงสมัครเลือกตั้งได้ ซึ่งในส่วนนี้คณะกรรมาธิการยกร่างฯก็เคยหารือถึงการแก้ไขกันมาแล้วและจะต้องมีการนำไปคุยกันในคณะกรรมาธิการยกร่าง เพื่อหาข้อสรุป
สำหรับ การประชุมสัมมนาของแม่น้ำสามสายในวันพรุ่งนี้ คณะกรรมาธิการยกร่างฯจะเข้าร่วมประชุมด้วย ส่วนการชี้แจงขอแก้ไขในวันนี้ มีสมาชิกสปช.สองกลุ่มคือกลุ่มนาย มนูญ ศิริวรรณและนาย สมชัย ฤชุพันธ์ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการยกร่างฯ โดยไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าฟัง