โครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต ในวันนี้ มีการประชุม คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงสร้างแหล่งที่มาของเงินใหม่ สาเหตุที่ต้องปรับเปลี่ยน เป็นไปตามความห่วงใยของหน่วยงานที่ตรวจสอบ ส่วนความจำเป็นต้องเตรียมงบประมาณน้อยลง ประกอบกับมีข้อห่วงใยกับการใช้มาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ซึ่งเดิมวางไว้จะใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)และขณะนี้ใกล้สิ้นปีงบประมาณ 67 เริ่มเห็นความชัดเจนของตัวเงิน จึงได้นำเสนอโครงสร้างกรอบวงเงินใหม่ ซึ่งที่ประชุมให้ความเห็นชอบ ไม่มีการใช้มาตรา 28ฯ โดยจะใช้จากแหล่งเงินงบประมาณ 67 และงบประมาณ 68 โดยมีงบประมาณเพียงพอและดำเนินการได้ภายในกรอบงบประมาณ
สำหรับแหล่งที่มาของเงินประกอบด้วยงบประมาณ 67 มาจากงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท ซึ่งจะเข้าสู่ที่ประชุมสภาในวันพรุ่งนี้ (15 ก.ค.) และงบประมาณบริหารจัดการทางการคลังและการบริหารงบประมาณอีก 4.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นงบกลางได้ แต่ไม่ใช่เพียงส่วนเดียว
นอกจากใช้งบประมาณ 68 จำนวน 1.52 แสนล้านบาท และ และงบประมาณในการบริหารจัดการทางการคลังและการบริหารงบประมาณของปี 68 อีก 1.32 แสนล้านบาท นายจุลพันธ์ยืนยันว่า สามารถทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้
ส่วนของการเปิดลงทะเบียนจะมีการชี้แจงในวันที่ 24 ก.ค.นี้ วันนี้ที่ประชุมมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับไปกำหนดรายละเอียดวันเริ่มลงทะเบียนที่ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนการทำงานด้านตัวระบบลงทะเบียนมีความคืบหน้าในระดับที่น่าพอใจ สำหรับไทม์ไลน์ของโครงการ จะมีการนำเสนอครม.ในสัปดาห์หน้า
ที่ประชุมได้มอบให้กระทรวงพาณิชย์สามารถกำหนดสินค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ หรือ Negative List ไม่ว่าจะเพิ่มเติมหรือปรับลดได้หากมีความจำเป็นตามสถานการณ์ต่อไป แต่ต้องมีการเสนอที่ประชุมอนุกรรมกำกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลตอีกครั้งที่ประชุมได้มีการพิจารณาตัดสิทธิ์กลุ่มบุคคลและร้านค้าที่เคยทำผิดเงื่อนไขโครงการของรัฐในอดีต หรือมีการฟ้องร้องเรียกเงินคืนในอดีตจำนวนหลายหมื่นราย
นายจุลพันธ์ ย้ำว่า โครงการครั้งนี้ ไม่ได้ลดขนาดโครงการยังคงเป็น 50 ล้านคนเหมือนเดิม แต่เมื่อดูจากโครงการในอดีตของรัฐไม่มีโครงการไหนที่มีผู้ลงทะเบียนเกินกว่า 90% จึงตั้งงบประมาณไว้ 45 ล้านคน หรือตั้งงบรองรับไว้ประมาณ 4.5 แสนล้านบาท แต่หากมีคนลงทะเบียนน้อยกว่าหรือมากกว่า จะใช้กลไกในการบริหารงบประมาณเพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอกับโครงการนี้
สอดคล้องกับ นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวถึงวงเงินในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ล่าสุดรัฐบาลไม่ได้มีการใช้วงเงินตามมาตรา 28 ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวงเงิน 172,300 ล้านบาทแล้ว เป็นเหตุผลในเรื่องของข้อกฎหมายที่หากมีการใช้เงิน ธ.ก.ส.ต้องมีการตีความข้อกฎหมาย และเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ถ้ารัฐบาลจะใช้ก็ใช้ได้แต่รัฐบาลตัดสินใจจะไม่ใช้เพราะเหตุผลนี้มากกว่า
เมื่อถามว่าที่รัฐบาลระบุว่าจะใช้การบริหารจัดการงบประมาณปี 2568 มาทำงบฯ ดิจิทัลวอลเล็ตอีก 132,300 ล้านบาท นั้นจะบริหารจัดการอย่างไร จะมีการออก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมในปี 2568 อีกหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องขึ้นกับสถานการณ์ เพราะในแต่ละปีงบประมาณรัฐบาลมีการบริหารจัดการงบประมาณอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องดูคือ ต้องไม่ให้กระทบกับกฎหมายเรื่องของวินัยการเงินการคลัง และเรื่องของ พ.ร.บ.บริหารหนี้สาธารณะ
ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครั้งที่ 4/2567 พร้อมเปิดเผยถึงการประชุมวันนี้ว่า เป็นการรับทราบการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ให้มีความชัดเจนขึ้นซึ่งมีหลายเรื่อง ทั้งการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดลงทะเบียน การดำเนินการรองรับการใช้งานของประชาชนและร้านค้า ประเภทสินค้า ตลอดจนรายละเอียดเงื่อนไขของการรับสิทธิ์ และแนวทางการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบและตรวจสอบการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการฯ ส่วนกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีมีการแอบอ้างให้โหลดแอปต่าง ๆ นั้น นายกฯ ย้ำขอให้คอยฟังจากทางหน่วยงานรัฐบาลเท่านั้น
ล่าสุดนายเศรษฐา ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin ว่า "ดิจิทัลวอลเล็ตพร้อม เปิดลงทะเบียน 1 ส.ค.นี้ ครับ
#แจกเงินหมื่นดิจิทัล
#มาตรา28วินัยการเงินการคลัง
#ไม่ใช่เงินธกส