*ผบ.ตร.ให้ความเป็นธรรมฝรั่งไอร์แลนด์ อ้างถูกขบวนการฉ้อโกง65ลบ.*

02 มิถุนายน 2558, 20:29น.


หลังจากนายโคลิน วาร์ด อายุ 61 ปี ชาวไอแลนด์ พร้อมบุตรชาย และบุตรสาว ถือป้ายข้อความ นั่งบนผิวการจราจร ถนนพระราม 1 ด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กรณีถูกขบวนการซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ที่ดิน ทนายความ นายธนาคาร บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และผู้มีอิทธิพลปลอมแปลงเอกสาร ซื้อขายถ่ายโอนบ้าน และที่ดิน ซึ่งเป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ มูลค่าประมาณ 65 ล้านบาท นอกจากนี้ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจ 





นายโคลิน อ้างว่า ตนเคยเป็นเจ้าของบริษัท ภูเก็ต พรอพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 23/7 หมู่ 10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทัพย์ดำเนินกิจการซื้อขายแลกเปลี่ยน และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัด ตั้งแต่ปี 44 ต่อมาถูกขบวนการดังกล่าว ร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร ทำการซื้อขายถ่ายโอนบ้านและที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ จำนวน 8 รายการ มูลค่าประมาณ 65 ล้านบาท โดยเมื่อเดือน มิ.ย. 53 ตนถูกกลุ่มบุคคลขับไล่ออกจากบ้านพัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทฯ แต่ตนไม่ยอม กระทั่ง 3 สัปดาห์ต่อมีก็มีหมายศาลจังหวัดภูเก็ต สั่งให้ตนออกจากบ้าน ระบุว่าบ้านดังกล่าวถูกขายต่อไปยังบุคคลอื่นแล้ว ทั้งที่ตนไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน



ต่อมาจึงทราบเรื่องจาก น.ส.นิตยา สุคำภา ภรรยาชาวไทยว่า ได้ไปกู้ยืมเงินจากผู้มีอิทธิพลรายหนึ่ง 600,000 บาท เพื่อไปลงทุนกิจการร้านก๋วยเตี๋ยว แต่อัตราดอกเบี้ยสูงมากจนชำระไม่ไหว จึงถูกบังคับให้ร่วมมือกันฉ้อโกงเอาทรัพย์สินไปจากตน ด้วยการปลอมแปลงเอกสาร และปลอมลายมือของตนทำการซื้อขายถ่ายโอนทรัพย์สินของบริษัทไปยัง น.ส.นิตยาจนหมดสิ้น ก่อนจะถูกขายต่อไปยังกลุ่มนายทุน ตนจึงฟ้องร้องต่อศาลเพื่อขอกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินคืน 2 คดี โดยตนมาขอให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานช่วยพิสูจน์ลายเซ็นให้ เมื่อได้ผลว่าลายเซ็นที่ปรากฏในเอกสารซื้อขายต่างๆ ไม่ใช่ของตน แต่บุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ยอมนำเอกสารดังกล่าวไปใช้ในการว่าความ ทั้งที่เป็นหลักฐานสำคัญ จึงตัดสินร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าว



พล.ต.อ.สมยศ ได้ลงมาพบนายโคลิน เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ด้วยตัวเอง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดย พล.ต.อ.สมยศ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับนายโคลิน เบื้องต้นจึงสั่งการให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และกองการต่างประเทศ ประสานกับสถานกงสุลไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ให้ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมรับฟัง เนื่องจากการอธิบายขั้นตอนทางกฎหมาย ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญามีความแตกต่างกัน บางครั้งนายโคลิน อาจจะไม่เข้าใจ ไม่สามารถแยกแยะได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่สถานกงสุล ซึ่งเป็นคนกลางที่เขาให้การเชื่อถือมาร่วมรับฟัง เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ขณะเดียวกันสั่งการให้เรียกพนักงานสอบสวนทุกคนที่นายโคลิน เคยไปแจ้งความหรือร้องทุกข์ไว้มาชี้แจงข้อเท็จจริงวันที่ 3 มิ.ย.นี้



          ผบ.ตร.กล่าวว่า เท่าที่ฟังดูบางคดีก็ถึงที่สุดแล้ว พนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาซึ่งเป็นภรรยาของนายโคลิน และถูกศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว แต่นายโคลิน ไม่เข้าใจว่าการที่ภรรยาซึ่งได้รับโอนทรัพย์สินจากนายโคลิน และนำทรัพย์สินไปขายฝาก พอครบกำหนดสัญญาแล้วไม่นำเงินไปไถ่คืน ทรัพย์สินนั้นก็ต้องถูกยึด ผู้ที่รับโอนทรัพย์สินไปหากไม่รู้เรื่องการฉ้อโกงก็ได้สิทธิตามสัญญา อย่างไรก็ตามตรงนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงที่แน่ชัดว่าที่อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจนั้นเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องที่นายโคลินระบุว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือเท่าที่ควร จากทางกงสุลของเขานี่เป็นปัญหาสำคัญ เพราะเราต้องหาคนกลางมาร่วมรับฟัง ซึ่งจะให้ตำรวจช่วยประสานให้.

ข่าวทั้งหมด

X