นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. 2558 มีการติดลบ 5 เดือนต่อเนื่องนั้น ยังไม่ถือว่า ไทยเข้าสู่ภาวะเงินฝืด แต่ก็มีโอกาสสูงมากถึงร้อยละ 99 ในทางเทคนิคประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะมองว่าในเดือน มิ.ย. มีโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อจะติดลบอยู่ เนื่องจากดัชนีผู้บริโภคพื้นฐานที่ไม่รวมน้ำมัน และอาหารสด ที่เป็นตัวแสดงถึงกำลังซื้อหลังของประชาชน แม้จะเป็นบวกที่ร้อยละ 0.94 เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็บวกในอัตราที่ลดลง จากเดือนก่อนแสดงให้เห็นว่า กำลังซื้อที่แท้จริงของประชาชนยังแผ่วบาง มีการระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่ เพราะปกติแล้ว เงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5-3 การที่ลงมาแตะเลขร้อยละ 0 ก็ถือว่า น่าห่วงตามลำดับ
ดังนั้น ภาครัฐบาล จึงจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยด่วน ทั้งการอัดฉีดเงินเข้าในระบบเศรษฐกิจโดยด่วน และอาจจำเป็นต้องใช้การลดดอกเบี้ยนโยบายเข้ามาช่วย ซึ่งมองว่า ในเดือน มิ.ย. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการลดดอกเบี้ยนโยบาย ลงอีก ร้อยละ 0.25 เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ซึ่งหากเกิดขึ้นจะถือเป็นเรื่องดีทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลดีต่อการส่งออก และหนุนให้เศรษฐกิจไทยฟื้นได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งเพื่อให้เป็นสัญญาณที่ดีเงินฟื้นก็ต้องมีการเยียวยา โดยควรทำให้เงินเฟ้อพื้นฐานกลับมาเป็นบวกได้มากกว่าร้อยละ 1 และต้องทำให้เงินเฟ้อทั่วไปติดลบน้อยลง