นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือนพ.ค. 2558 เท่ากับ 106.53 ลดลงร้อยละ 1.27 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นการติดลบต่อเนื่อง 5 เดือน ยังทำสถิติติดลบสูงสุด ในรอบ 5 ปี 8 เดือน เมื่อเทียบเดือนเม.ย. 2558 เงินเฟ้อสูงขึ้นร้อยละ 0.17 ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) 2558 ลดลงร้อยละ0.77 เนื่องจากสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ20.54 หมวดการขนส่งและการสื่อสาร ลดลงร้อยละ 6.36 เมื่อแยกรายการสินค้าที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อ 450 รายการ พบว่า สินค้าที่ราคาสูงขึ้นมี 164 รายการ เช่น อาหารสำเร็จรูป ข้าว ผลไม้ สินค้าที่ราคาลดลง 95 รายการ และสินค้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงราคา 191 รายการ ยืนยันว่าไม่ใช่ภาวะเงินฝืด เนื่องจากกำลังซื้อของคนไม่ได้ลดลง แต่เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมาก ทำให้ต้นทุนสินค้าต่างๆปรับลดลงมาส่วนการปรับลดค่ากระแสไฟฟ้า 9.35 สตางค์/หน่วย ที่จะมีผลตั้งแต่เดือนพ.ค.-ส.ค. ซึ่งหากเข้าสู่ภาวะเงินฝืดหมายถึงคนไม่ซื้อสินค้า แต่ปัจจุบันคนยังมีความต้องการซื้อสินค้าอยู่
สำหรับ กระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2558 สูงขึ้นร้อยละ 0.6-1.3 ภายใต้สมมุติฐานคือเศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 3-4 ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบเฉลี่ย 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 32-34 บาท/เหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าไตรมาส 2 เงินเฟ้อจะยังติดลบร้อยละ 1.1 หลังจากนั้นเงินเฟ้อก็น่าจะปรับตัวสูงขึ้น จากการอ่อนค่าของเงินบาททำให้การนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น เช่น น้ำมันดิบ จากการศึกษาของสำนักฯ พบว่า หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายลงทุกร้อยละ1 จะมีผลทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นร้อยะ0.03 รวมถึง ทิศทางราคาน้ำมันดิบก็เริ่มจะขยับราคาขึ้นมา โดยปัจจุบันน้ำมันดิบอยู่ที่ 63.68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับขึ้นจากเม.ย.อยู่ที่ 57.31 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งก็น่าจะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นได้