กสม. เผยผลสอบเรื่องร้องเรียนกรณีการจัดกิจกรรมเชียร์และแปรอักษรงานฟุตบอลจตุรมิตร ไม่พบการละเมิดสิทธิเด็ก แต่มีข้อเสนอแนะไปยังโรงเรียนทั้งสี่เพื่อให้งานดียิ่งขึ้น
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 จากผู้ร้องสามคน ระบุว่า โรงเรียนในเครือจตุรมิตร ได้แก่ โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย บังคับให้นักเรียนเข้าร่วมงานฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30 ที่สนามศุภชลาศัย วันที่ 11-18 พฤศจิกายน 2566 โดยนักเรียนถูกบังคับให้ซ้อมเชียร์และแปรอักษรก่อนวันจัดงาน ทำให้เสียเวลาเข้าเรียน ทั้งยังปรับชั่วโมงกิจกรรมชุมนุมเพื่อฝึกซ้อมเชียร์และแปรอักษร ซึ่งมีผลต่อการพิจารณาและประเมินผลการศึกษาให้ผ่านหรือไม่ผ่านในชั่วโมงกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และในวันงานฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี นักเรียนจะต้องนั่งแปรอักษรบนอัฒจันทร์ที่แออัดท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดติดต่อกันเกินกว่า 8 ชั่วโมง ไม่สามารถลุกจากที่นั่งหรือไปเข้าห้องน้ำได้ ทั้งยังมีความเสี่ยงต่ออันตรายจากการต้องปีนข้ามไปนั่งบนอัฒจันทร์ที่มีการต่อเติมบริเวณประตูทางขึ้นเพื่อเพิ่มจำนวนที่นั่ง นอกจากนี้ นักเรียนซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่กลับไม่มีส่วนร่วมในการกำหนดรูปแบบการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ผู้ร้องทั้งสามเห็นว่า การกระทำข้างต้นของโรงเรียนในเครือจตุรมิตรมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของเด็ก โดยเฉพาะสิทธิทางการศึกษา สิทธิในสุขภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จึงขอให้ตรวจสอบ
กสม.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า กรณีตามคำร้องมีประเด็นที่ต้องพิจารณา 2 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นแรก การนำการเชียร์และแปรอักษรมาประกอบการพิจารณาและประเมินผลการศึกษาในชั่วโมงกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่า โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ไม่ได้นำการเชียร์และแปรอักษรปรับเป็นชั่วโมงกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาและการประเมินผลการศึกษาของนักเรียน ส่วนโรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และโรงเรียนอัสสัมชัญ ได้นำการเชียร์และแปรอักษรไปปรับเป็นชั่วโมงกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในรายวิชากิจกรรมชุมนุม โดยสอดคล้องกับเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของวิชากิจกรรมชุมนุมตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นักเรียนสามารถลาเชียร์และแปรอักษรได้ ทั้งระหว่างการซ้อมและในวันจัดการแข่งขัน และนักเรียนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมอื่น ๆ ได้ตามความสนใจ ประเด็นนี้จึงไม่ปรากฏว่าโรงเรียนผู้ถูกร้องทั้งสี่มีการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ประเด็นที่สอง การจัดกิจกรรมเชียร์และแปรอักษรในการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30 มีการกระทำหรือละเลยการ กระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) ได้ให้ความสำคัญกับหลักการคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็ก สิทธิในการมีส่วนร่วม สิทธิในการพัฒนา สิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุข สิทธิในการปกป้องคุ้มครอง สิทธิในการเล่น และสิทธิในการพักผ่อน
จากการตรวจสอบปรากฏข้อเท็จจริงว่า โรงเรียนในเครือจตุรมิตรได้จัดให้มีมาตรการด้านความปลอดภัย มาตรการด้านสุขภาพ สุขอนามัย และมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีข้อปฏิบัติร่วมของทั้งสี่สถาบัน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่นักเรียนอย่างเหมาะสมตลอดระยะเวลาจัดการแข่งขัน ทำงานร่วมกันระหว่างคณะอนุกรรมการ ทั้งฝ่ายครูและฝ่ายนักเรียน มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุคคล และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนได้รับอันตราย จัดให้มีนักเรียนกลุ่มสำรองไว้คอยสลับเปลี่ยนการทำหน้าที่เชียร์และแปรอักษรบนอัฒจันทร์แทนนักเรียนที่ต้องการเข้าห้องน้ำ และการดูแลนักเรียนให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียน เช่น การแจกถุงปัสสาวะแบบเจล และการใช้ LINE OpenChat เพื่อสื่อสารกันระหว่างนักเรียนกับพี่เลี้ยงประจำแถว ทั้งยังให้ความสำคัญกับบทบาทการมีส่วนร่วมของนักเรียนในการจัดกิจกรรมเชียร์และแปรอักษร โดยมีผู้บริหาร ครู คณะอนุกรรมการ 21 ฝ่าย จึงไม่ปรากฏว่ามีการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเด็นนี้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม กสม. เห็นว่า การแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคีมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก และถือเป็นประเพณี ประวัติศาสตร์ และความภาคภูมิใจของชาวจตุรมิตรมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ดังนั้น เพื่อให้นักเรียนในเครือจตุรมิตรที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวได้รับการปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะไปยังโรงเรียนในเครือจตุรมิตรทั้ง 4 แห่งในการจัดกิจกรรมเชียร์และแปรอักษร สรุปได้ดังนี้
ให้จัดเตรียมเวชภัณฑ์และเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่าง ๆ ให้เพียงพอ เช่น อุปกรณ์ป้องกันฝน ถุงเก็บปัสสาวะฉุกเฉินหรือถุงเก็บปัสสาวะแบบเจล ร่วมกันถอดบทเรียน การแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30 เพื่อใช้กำหนดแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาหรือแนวปฏิบัติร่วมกันที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และควรจัดให้มีกระบวนการรับฟังความเห็นของนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมให้มากยิ่งขึ้น เช่น แบบสอบถามความคิดเห็น การประเมินความพึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรมด้วย
Cr:เฟซบุ๊กสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ https://shorturl.asia/ktl7a
#ฟุตบอลจตุรมิตร
#ผลสอบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน