เปิดโพลชาวอเมริกันชื่นชอบทรัมป์เรื่องแก้ปัญหาศก.-แต่ชอบไบเดนส่งเสริมประชาธิปไตย

          เหลืออีกไม่ถึง 5 เดือนจะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันที่ 5 พ.ย.นี้ รอยเตอร์/อิปซอส เปิดผลสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันจัดขึ้นระหว่าง 21-23 มิ.ย. มีผู้ตอบแบบสอบถามทางออนไลน์ 1,019 คนทั่วประเทศ ปรากฎว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกัน มีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องผู้สมัครประธานาธิบดีทั้งสองคน โดยชาวอเมริกันจำนวนมากชื่นชอบอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่อีกหลายคนชื่นชอบประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตในเรื่องการส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย

          ผลสำรวจครั้งนี้พบว่า คะแนนนิยมของนายไบเดน อยู่ที่ร้อยละ 37 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 36 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขคะแนนนิยมต่ำสุดนับแต่นายไบเดนเข้ามาบริหารประเทศในปี 2564 โดยกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่แสดงความเป็นกังวลเรื่องอายุ ในปัจจุบัน นายไบเดน อายุ 81 ปี เป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ นอกจากนี้ เกิดปัญหาร้าวฉานภายในพรรคเดโมแครต เป็นผลพวงจากประธานาธิบดีไบเดนให้การสนับสนุนอิสราเอลในการส่งทหารบุกยังเขตฉนวนกาซา เพื่อปราบปรามกลุ่มฮามาส

          สำหรับประเด็นคำถามที่ว่า ระหว่างผู้สมัครทั้งสองคน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันคิดว่าใครแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ดีกว่า ปรากฏว่า ผู้สอบแบบสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ร้อยละ 43 ตอบว่า นายทรัมป์จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดีกว่า ขณะที่ร้อยละ 37 ตอบว่านายไบเดนจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดีกว่า ในปัจจุบัน ชาวอเมริกันส่วนใหญ่รู้สึกกังวลเรื่องราคาผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อเริ่มอ่อนตัวลงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาและอัตราว่างงานอยู่ต่ำกว่าร้อยละ 4 มากว่า 2 ปีแล้ว

          ประเด็นเรื่องนโยบายคนเข้าเมือง นายทรัมป์มีคะแนนนิยมนำนายไบเดน อยู่ที่ร้อยละ 44 ต่อ ร้อยละ 31 สำหรับคนอพยพคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13.9 ของประชากรทั้งหมดของสหรัฐฯในปี 2565 เป็นสถิติที่สูงที่สุดในรอบกว่า 100 ปี ที่ผ่านมานายทรัมป์ต้องการจะปราบปรามปัญหาคนลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างจริงจัง

          สำหรับประเด็นเรื่องสงครามและปัญหาก่อการร้ายในต่างแดน นายทรัมป์มีคะแนนนิยมเหนือนายไบเดนอยู่ที่ร้อยละ 40 ต่อร้อยละ 35

         ส่วนคำถามเรื่องแนวคิดสุดโต่งทางการเมืองและภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตย ปรากฏว่านายไบเดนมีคะแนนนิยมมากกว่านายทรัมป์ที่ร้อยละ 39 ต่อร้อยละ 33 ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์เคยอ้างลอยๆโดยไม่มีหลักฐานว่า แพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2563 เพราะถูกนายไบเดนโกงเลือกตั้ง ทั้งปราศรัยปลุกปั่นไม่นานก่อนกลุ่มผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าอาคารสภาคองเกรสในกรุงวอชิงตันดี.ซี.เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2564 หวังขัดขวางกระบวนการรับรองผู้ชนะเลือกตั้งโดยวุฒิสภาสหรัฐฯ

         สำหรับเรื่องนโยบายสาธารณสุข นายไบเดนมีคะแนนนิยมเหนือนายทรัมป์ที่ร้อยละ 40 ต่อร้อยละ 29 สำหรับนายไบเดนเคยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในยุครัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามาในปี 2553 ซึ่งเป็นช่วงนายโอบามาผลักดันนโยบายระบบปฏิรูปสาธารณสุขครั้งใหญ่กระทั่งผ่านการลงมติรับรองจากสภาคองเกรส ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากได้รับการคุ้มครองจากระบบประกันสุขภาพ

#การเมืองสหรัฐ