ธนาคารกรุงไทย ประเมินความเสี่ยงจากส่งออก สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน กลับมารุนแรงขึ้น

              ธนาคารกรุงไทย Krungthai COMPASS ประเมินว่าการส่งออกในระยะข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่กลับมารุนแรงขึ้น โดยการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจีนทำให้มีการเร่งส่งออกสินค้าในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ตู้คอนเทนเนอร์เริ่มขาดแคลนซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อการส่งออกในระยะข้างหน้า สะท้อนจากค่าระวางเรือล่าสุดที่ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย. ราว 90%

              ก่อนหน้านี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่าการที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนหลายรายการ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องแรงงานและอุตสาหกรรมภายในประเทศ แต่มาตรการนี้จะเพิ่มความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งส่งผลกระทบต่อการค้าและการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

              นางจูลี โคแซค โฆษกของไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า สหรัฐฯ ควรรักษานโยบายการค้าแบบเปิด ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มาโดยตลอด และจะช่วยให้สหรัฐฯ จะได้รับผลประโยชน์ที่ดี จึงแนะนำให้สหรัฐฯและจีนร่วมมือกันเพื่อหาวิธีแก้ปัญหา จัดการกับสาเหตุของความกังวลที่ทำให้ความตึงเครียดทางการค้าทวีความรุนแรงขึ้น และขอเรียกร้องให้ทุกประเทศแก้ไขความแตกต่างภายในกรอบพหุภาคี

               นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐ ฯ เปิดเผยว่า การเก็บภาษีนำเข้าครั้งใหม่กับสินค้าของจีนจะช่วยปกป้องธุรกิจและแรงงานของสหรัฐ ไม่ทำให้ราคาสินค้าสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 

                นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่า ทางการจีนคัดค้านการที่สหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีตามอำเภอใจ ละเมิดกฎกติกาขององค์การการค้าโลก(WTO) พร้อมทั้งจะดำเนินมาตรการทุกอย่างที่จำเป็น เพื่อปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์อันชอบธรรมของจีน

                กระทรวงการคลัง รายงานว่า มูลค่าส่งออกเดือน พ.ค.67 เติบโต 7.2%YoY ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยเติบโตเร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ 6.8% จากปัจจัยชั่วคราวตามการส่งออกสินค้าเกษตรโดยเฉพาะการส่งออกทุเรียนไปจีนที่ขยายตัวราว 220%เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดล่าช้ากว่าปีก่อน ขณะที่ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวชะลอลง สำหรับการนำเข้ากลับมาหดตัว 1.7%YoY ส่งผลให้ดุลการค้าเดือน พ.ค.67กลับมาเกินดุลครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ที่ระดับ 656.1 ล้านดอลลาร์ฯ#สงครามการค้า

#สหรัฐฯ

#จีน

แฟ้มภาพ

CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ กระทรวงการคลัง:Ministry Of Finance