รู้เบาะแส 7 ลูกเรือที่หลบหนีแล้ว-ฝากขัง 8 ลูกเรือน้ำมันของกลางสูญหาย สัตหีบ

20 มิถุนายน 2567, 16:11น.


          พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยว่า ตำรวจคุมตัวลูกเรือน้ำมันเถื่อน 8 คน ในคดีร่วมกันขโมยเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำหลบหนี จากการควบคุมของตำรวจน้ำ มาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้นำตัว 3 ใน 8 ผู้ต้องหาไปสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็นที่สงสัย และจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ไปขออำนาจศาลอาญารัชดาฝากขัง ซึ่งพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว โดยให้เหตุผลถึงพฤติกรรม ว่าก่อเหตุอย่างอุกอาจ และเกรงว่าจะหลบหนีหากได้รับการประกันตัว



          ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 7 คน ที่หายไปจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนี้เชื่อว่าหลบหนีไปกับเรือลำหนึ่งที่มีชื่อว่า เคนาย (K9) เป็นเรือขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกน้ำมันได้มากถึง 2 ล้านลิตร และคาดว่าเป็นเรือที่ขโมยเอาของกลางไปทั้งหมด เบื้องต้นได้สั่งให้ชุดสืบสวนประสานข้อมูลทางประเทศกัมพูชาแล้ว และติดตามตัวมาดำเนินคดี



           ล่าสุด ตำรวจได้คุมตัว 8 ลูกเรือน้ำมันเถื่อนที่หลบหนีไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี ไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป” และมี 14 คน (ลูกเรือเดิม) ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มคือ “ร่วมกันทำให้ทรัพย์สินของเจ้าพนักงานของรัฐสูญหาย” (ม.142) ส่วนอีก 1 คนที่เป็นลูกเรือใหม่ ถูกแจ้งข้อหาช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง (ม.184) เนื่องจาก พบหลักฐานเป็นคนไปซื้อเสบียงขับใส่รถซาเล้งมาส่งขึ้นไปกับเรือ



          ภรรยาของ 1 ใน 8 ลูกเรือ ที่เดินทางมาเยี่ยมสามีทั้งน้ำตา ว่า สามีตนอายุมากแล้ว แต่ด้วยความถนัดและมีความชำนาญกับเรือเป็นอย่างดี จึงเข้าไปทำงานกับบริษัทนี้ได้ประมาณ 1 ปี ทำหน้าที่เป็นไต้ก๋งเรือ เงินเดือนราวๆ 30,000 บาท โดยตนทราบเพียงว่าเวลาสามีออกเรือไปทำงานนานๆ ก็เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แต่ในส่วนรายละเอียดเชิงลึกไม่ทราบจริงๆ และไม่เคยได้ยินชื่อของเสี่ยโจ้ ว่าเป็นเจ้าของเรือมาก่อน เพราะสามีเป็นแค่ลูกจ้างธรรมดา และเชื่อว่าสามีคงไม่มีสิทธิจะไปรู้เรื่องอะไรของเจ้านายขนาดนั้น พอได้รับคำสั่งมาก็ทำตาม ซึ่งยอมรับว่าตัวเองก็เครียด ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ สงสารสามี เป็นห่วง เพราะอายุเยอะแล้ว





          ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ,พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง โฆษก ตร.,พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. และ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีการสืบสวนสอบสวนกรณีการตรวจยึดเรือบรรทุกน้ำมันของกลางที่หลบหนีไป ซึ่งเป็นเหตุการณ์เชื่อมโยง จากคดีเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2567 และ 17 มีนาคม 2567 ได้จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 28 คน พร้อมด้วยของกลาง เรือบรรทุกน้ำมัน จำนวน 5 ลำ และน้ำมันรวม จำนวน 325,000 ลิตร ในความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งน้ำมันที่มิได้ผ่านพิธีการศุลกากร” จากนั้นโดยมอบหมายให้ กองบังคับการตำรวจน้ำเป็นผู้ดูแลรักษาเรือบรรทุกน้ำมันและน้ำมันเชื้อเพลิงของกลางไว้ที่ สถานีตำรวจน้ำสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี



          ต่อมาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา ได้ประกาศเตือนให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ ในช่วงวันที่ 9 - 10 มิถุนายน 2567 มีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร และในวันที่ 9 มิถุนายน 2567 ได้มีพายุฝนฟ้าคะนอง เกิดกระแสลมแรง จะทำให้ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ ไม่สามารถรับน้ำหนักเรือของกลางทั้งหมดได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ เกรงว่าเรือของกลางและท่าเทียบเรือจะได้รับความเสียหาย จึงให้เรือของกลาง จำนวน 4 ลำ ได้แก่ เรือ เจ.พี., เรือกำไรเงิน หรือซีฮอส, เรือดาวรุ่ง และเรือกำไรเงิน (เหล็ก) ออกไปทิ้งสมอในระยะปลอดภัย โดยมีระยะห่างจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ ประมาณ 100 เมตร กระทั่งวันที่ 12 มิถุนายน 2567 เวลา 06.00 น. พบว่าเรือทั้ง 3 ลำ คือ เรือ เจ.พี., เรือกำไรเงินหรือซีฮอส และเรือดาวรุ่ง ได้เคลื่อนเรือหายไป



          จากการสืบสวน สอบสวนประเด็นข้างต้น พบว่าเรือทั้ง 3 ลำ (เรือ เจ.พี., เรือกำไรเงินหรือซีฮอส และเรือดาวรุ่ง) ได้เคลื่อนหายออกจากบริเวณ ท่าเรือ สถานีตำรวจน้ำสัตหีบ ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 20.11 น. โดยมีคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 15 คน เป็นลูกเรือเดิม 14 คน และลูกเรือใหม่ 1 คน เชื่อว่ามีกลุ่มผู้อิทธิพล อยู่เบื้องหลังเป็นผู้สั่งการ คอยให้การสนับสนุน และเชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องหามีการวางแผนและตระเตรียมการมาเป็นอย่างดี และในขณะเดียวกันกองบังคับการตำรวจน้ำ ที่เร่งออกติดตามค้นหาเรือของกลางดังกล่าว ในพื้นที่อ่าวไทยตามเส้นทางและพื้นที่ต้องสงสัย กระทั่งพบขบวนเรือน้ำมันทั้ง 3 ลำ บริเวณพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะเจาะจง (EEZ) พิกัด 8.333333,101.833333 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำได้เข้าควบคุม และแสดงตัวขอทำการตรวจสอบเรือและลูกเรือทุกคน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำได้ควบคุมเรือพร้อมลูกเรือจำนวน 8 คน มายังสะพานเทียบเรือ กก.7 บก.รน.(สงขลา)





          ตรวจสอบเบื้องต้น เป็นเรือของกลางที่ได้หายไป พร้อมน้ำมันที่มีค่ากำมะถันเกินกว่ากฏหมายกำหนด จำนวน 18,000 ลิตร จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์ ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เองหรือสั่งให้ผู้นั้น หรือผู้อื่นส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม และเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด” จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป





#เรือน้ำมัน

ข่าวทั้งหมด

X