นายโวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ(OHCHR)เปิดเผยรายงานฉบับใหม่เกี่ยวกับสงครามในเขตฉนวนกาซา แสดงความกังวลกรณีทหารอิสราเอลใช้ระเบิด GBU-31 หนัก 2,000 ปอนด์โจมตีย่านชุมชนในเขตฉนวนกาซา 6 ครั้ง เช่น ย่านชุมชน อัช ชูไจเยห์ (Ash Shujaiyeh)ในเมืองกาซาซิตี้ โรงเรียน โรงพยาบาล ค่ายลี้ภัยและตลาดในเขตฉนวนกาซา ระหว่างวันที่ 9 ต.ค.-2ธ.ค.2566 มีผู้เสียชีวิต 218 ราย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ตัวเลขจริงของผู้เสียชีวิตอาจจะสูงกว่านี้อีก พร้อมเตือนอิสราเอลเข้าข่ายละเมิดกติกาการทำสงคราม
นายเติร์ก วิจารณ์อิสราเอลละเมิดหลักการพื้นฐานของกติกาการทำสงครามซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะข้อกำหนดที่ให้คู่ขัดแย้งที่สู้รบกันเลือกใช้วิธีการและแนวทางต่างๆที่ทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตายน้อยที่สุด โดยรายงานระบุว่า แรงระเบิดในแต่ละครั้งสร้างความเสียหายให้กับบริเวณที่ถูกโจมตีราว 130 เมตร ทำลายอาคารบ้านเรือน 15 แห่งและทำให้อาคารอื่นๆในพื้นที่ใกล้เคียงเสียหายอีก 14 แห่ง มีหลุมยุบขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่ถูกโจมตีซึ่งสามารถเห็นด้วยสายตาและจากภาพถ่ายดาวเทียม แสดงให้เห็นว่ามีการใช้ระเบิด GBU-31 หนัก 2,000 ปอนด์ ในการโจมตี
นายเจเรมี เลาเรนซ์ โฆษก OHCHR เปิดเผยว่า นอกจากระเบิดหนัก 2,000 ปอนด์แล้ว อิสราเอลใช้ระเบิดรุ่นอื่นๆเช่น ระเบิดรุ่น GBU-32s หนัก 1,000 ปอนด์และระเบิดรุ่น GBU-39s หนัก 250 ปอนด์ในการโจมตีเนื่องจากสามารถเจาะทะลุทะลวง ทำลายโครงสร้างอาคารคอนกรีตให้เสียหายอย่างราบคาบ
นายอาจิธ ซุงเฮย์ หัวหน้าสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR)ประจำดินแดนปาเลสไตน์ ระบุว่า รายงานฉบับนี้ มุ่งเน้นเรื่องการที่อิสราเอลใช้อาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงในย่านชุมชนของเขตฉนวนกาซา พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า จรวดที่กลุ่มฮามาสใช้โจมตีอิสราเอล แม้จะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้เช่นเดียวกัน แต่ก็ยังมีอานุภาพไม่ร้ายแรงเมื่อเปรียบเทียบกับระเบิดหนักของอิสราเอล
นางมีราฟ อีลอน ชาฮาร์(Meirav Eilon Shahar) เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ วิจารณ์รายงานฉบับนี้ว่า มุ่งตำหนิอิสราเอลแต่ฝ่ายเดียว พร้อมทั้งปกป้องกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายในเขตฉนวนกาซา และวิจารณ์ OHCHR ว่ามีอคติกับอิสราเอลมาหลายสิบปีแล้ว
#ยูเอ็นเตือนอิสราเอล
#ใช้ระเบิดหนักโจมตีย่านชุมชน
#สงครามกาซา