นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวประณามอย่างรุนแรงต่อการที่กองทัพเมียนมาโจมตีพื้นที่พลเรือนในรัฐยะไข่และเขตสะกาย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เรียกร้องให้ทุกฝ่ายในความขัดแย้งใช้ความอดทนอดกลั้นสูงสุด ให้ความสำคัญกับการปกป้องพลเรือนตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ไม่ให้เกิดความตึงเครียดและความรุนแรงระหว่างชุมชนเพิ่มขึ้นอีก เขากล่าวว่า ยังมีรายงานเกี่ยวกับการโจมตีชาวยะไข่ในเมียนมาตะวันตก การทำร้ายชาวโรฮิงญา มีการทิ้งระเบิดทางอากาศโดยไม่เลือกเป้าหมาย และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งต้องมีการนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ นายกูเตอร์เรสยังเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกให้การสนับสนุนนายจูลี บิชอป ทูตพิเศษ ในความพยายามที่จะบรรเทาทุกข์และเดินหน้ากระบวนการที่ครอบคลุมเพื่อสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน รวมถึงผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน และประเทศเพื่อนบ้าน
ในสัปดาห์ที่แล้ว นายฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เปิดเผยว่ามีผู้คนมากกว่า 3 ล้านคนต้องพลัดถิ่นฐานภายในประเทศเมียนมา และอีกจำนวนมากที่พยายามหาที่หลบภัยในประเทศเพื่อนบ้าน โดยสถานการณ์ในรัฐยะไข่มีความน่ากังวลเป็นพิเศษ
ขณะที่การสู้รบในเมียนมากองทัพอาระกัน (Arakan Army : AA) พยายามบุกยึดสนามบินตั่นด่วย มา ซิน ในเมืองตั่นด่วย รัฐอาระกัน ต่อเนื่องจากการยึดหมู่บ้านก้อต ที่อยู่ห่างจากสนามบินราว 1.6 กิโลเมตร กองทัพให้ปิดสนามบินเป็นการชั่วคราวเพื่อใช้ในปฏิบัติการทางอากาศ
นอกจากนี้ ยังมีการสู้รบทางใต้ของเมืองมงดอว์ ใกล้กับชายแดนของบังกลาเทศ ตามที่กองทัพอาระกันประกาศว่าจะโจมตีฐานที่มั่นของทหารเมียนมาในเมืองมงดอว์ เมืองแอ๋น เมืองเจ้าก์ผิ่ว เมืองตองอับ เมืองหม่าหน่อง เมืองตั่นด่วยและเมืองกว้า ซึ่งยังอยู่ในเขตควบคุมของกองทัพเมียนมา ขณะที่กองทัพอาระกันสามารถยึดได้ 10 เมืองจาก 17 เมืองในรัฐอาระกัน
--------
#สหประชาชาติ #เมียนมา #อาเซียน