วิกฤตในฉนวนกาซา คนต้องกินอาหารสัตว์-ดื่มน้ำจากท่อ WHO เร่งเปิดด่านราฟาห์ขนของบรรเทาทุกข์

             หลังจากอียิปต์ ปิดด่านราฟาห์ใกล้ชายแดนฉนวนกาซา-อียิปต์ ตั้งแต่อิสราเอลเข้าควบคุมด่านราฟาห์ในฝั่งของเขตฉนวนกาซาเมื่อวันที่ 7 พ.ค.67 อิสราเอลอนุญาตให้เปิดด่านเพียงแห่งเดียวคือ ด่านเคเรม ชาลอม ทางตอนใต้ของเขตฉนวนกาซา ทำให้การขนสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปในเขตฉนวนกาซามีปริมาณน้อยกว่าเดิมและไม่เพียงพอสำหรับแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน

             นางฮานัน ฮัสซัน บาลคี ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก(WHO)ประจำภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก แถลงข่าวที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวาน(4 มิ.ย.67)ว่า ชาวบ้านในเขตฉนวนกาซาอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหาร ไม่มีน้ำประปาดื่ม

              นางฮัสซัน บาลคี ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนก.พ.67 กล่าวว่า ในบางพื้นที่ชาวบ้านถึงขนาดกินอาหารสัตว์ และดื่มน้ำจากท่อระบายน้ำ เพื่อประทังชีวิตในแต่ละวัน ย้ำว่าชาวบ้านในเขตฉนวนกาซาต้องการสันติภาพและต้องการให้มีการขนสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปในเขตฉนวนกาซามากขึ้น พร้อมขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น อิสราเอลและอียิปต์ เปิดด่านราฟาห์ตามปกติ เพื่อให้องค์กรบรรเทาทุกข์ระหว่างประเทศขนสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปในเขตฉนวนกาซามากขึ้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาวิกฤตด้านอาหาร ตั้งข้อสังเกตว่า เด็กๆแทบจะไม่มีอาหารกิน

             นางฮัสซัน บาลคี ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องเด็ก เตือนว่า สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส จะกระทบระบบสาธารณสุขไปทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะผลกระทบต่อเด็กๆในระยะยาว เช่น โรคหัด โรคอีสุกอีใส โรคท้องร่วง และโรคระบบทางเดินหายใจ สหประชาชาติ(UN)เตือนมาหลายเดือนแล้วว่า ชาวบ้าน 1.1 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดของเขตฉนวนกาซาเสี่ยงประสบปัญหาขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง

#WHO

#ห่วงวิกฤตมนุษยธรรม

#สงครามกาซา