ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารควบคุมผู้อพยพบริเวณชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก เพื่อแก้ปัญหาคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันอังคาร(4 มิ.ย.67) อนุญาตให้ทางการเนรเทศหรือส่งผู้อพยพชาวเม็กซิกันที่เข้าสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายและถูกจับกุมส่งกลับประเทศต้นทางได้อย่างรวดเร็ว หากจำนวนการข้ามชายแดนต่อวันเกิน 2,500 คน โดยไม่ต้องเข้ากระบวนการตรวจสอบการขอลี้ภัย เว้นแต่จะเข้าข่ายยกเว้น เช่น เป็นเด็กที่ไม่มีผู้ใหญ่มาด้วย, เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์, ผู้ที่ต้องรับการรักษาพยาบาลเร่งด่วน หรือมีอันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัยอย่างเร่งด่วน และเมื่อจำนวนผู้อพยพลดลงเหลือต่ำกว่า 1,500 คนต่อวัน ก็จะเปิดชายแดนอีกครั้ง
นายไบเดน ระบุว่า พรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสขัดขวางมาตรการชายแดนที่ 2 พรรคตกลงร่วมกัน ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้คำสั่งฝ่ายบริหาร
นายไบเดน เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 64 โดยให้คำมั่นว่าจะยกเลิกนโยบายที่เข้มงวดบางประการของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกัน กลายเป็นประเด็นที่จะมีการดีเบตกันก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดือน พ.ย.นี้
คำสั่งดังกล่าวทำให้นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนและผู้เชี่ยวชาญด้านการย้ายถิ่นฐานฝ่ายซ้ายวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ฟลอเรนเซีย โซโต นิโน-มาร์ติเนซ รองโฆษกของสหประชาชาติ กล่าวว่า ใครก็ตามที่อาจจะได้รับอันตรายจากประเทศต้นทาง ควรที่จะได้รับความช่วยเหลือในเรื่องที่พักพิงที่ปลอดภัย และให้ประเมินข้อเรียกร้องนี้ก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับหรือเคลื่อนย้าย ขณะที่ นายทรัมป์ กล่าวว่า สิ่งที่นายไบเดนทำเป็นเพียงการแสดง เพราะนายไบเดนรู้อยู่แล้วว่าเราจะมีการดีเบตกันในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า
#ไบเดน
#คุมชายแดน
#เม็กซิโก
แฟ้มภาพ