นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยใช้ประโยชน์จากระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preference: GSP) กับประเทศคู่ค้าที่ได้รับสิทธิ เพื่อให้ผู้ส่งออกมีข้อได้เปรียบในเรื่องราคาสินค้ามากขึ้น
โดยในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 ไทยมีการใช้สิทธิประโยชน์ GSP เพิ่มมากขึ้นในสินค้าหลากหลายจำพวก โดยในปี 2567 ระหว่างเดือน มกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 มีตัวเลขการสิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ระบบ GSP มูลค่ารวมที่ 480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากข้อมูลของ กรมการค้าต่างประเทศ ประเทศไทยมีการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป สามารถใช้สิทธิ GSP ได้ใน 4 กลุ่มประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) โดยในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 ประเทศไทยได้ใช้สิทธิ GSP ทั้งหมด รวมเป็นสัดส่วนร้อยละ 56.92 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของสินค้าที่ได้รับสิทธิ
โดยมีการส่งออกสินค้าภายใต้สิทธิ GSP ไปยังสหรัฐฯ มากที่สุด รวมมูลค่า 444 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 62.17 ของสินค้าที่ได้รับสิทธิ สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ถุงมือยาง อาหารปรุงแต่ง พลาสติกปูพื้นทำด้วยโพลิเมอร์ของไวนิลคลอไรด์ หีบเดินทางขนาดใหญ่หรือกระเป๋าใส่เสื้อผ้า และกรดมะนาวหรือกรดซิทริก
สวิตเซอร์แลนด์ มูลค่า 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสินค้าจำพวก เพชรพลอยรูปพรรณ
นอร์เวย์ มูลค่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสินค้าจำพวก สูทของสตรีหรือเด็กหญิงทำด้วยขนแกะ
และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) 910,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในสินค้าจำพวก สับปะรดกระป๋อง
..
#นายกรัฐมนตรี #การส่งออก