*รองนายกฯ แจงนักลงทุนในเขตศก.พิเศษเรื่องสิทธิประโยชน์-ภาษี*

หลังการประชุมติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการลงทุนภาคเอกชนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและการส่งเสริมการลงทุนเขตธุรกิจ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ หากผู้ลงทุนได้ร่วมลงทุนกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ก็ไม่ต้องเสียภาษีเป็นระยะเวลา 8-10ปี ส่วนผู้ที่ไม่ได้ลงทุนกับบีโอไอ จะต้องเสียภาษีครึ่งหนึ่ง ส่วนการเตรียมที่ดินในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษทั้ง 6 แห่ง  กระทรวงมหาดไทยได้เตรียมพื้นที่ไว้รองรับแล้ว ยืนยันว่าค่าเช่ามีความเหมาะสม ไม่ห่วงเรื่องการเก็งกำไรที่ดิน เนื่องจากผู้เก็งกำไร จะประสบปัญหาไม่สามารถขายที่ดินได้เอง

ด้านพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุ รัฐบาลจะให้ผู้ที่มายื่นเรื่องขอเสนอเช่าที่ดิน เขตเศรษฐกิจพิเศษมายื่นเรื่องผ่านศูนย์ดำรงธรรมทั้ง 6 จังหวัด จะทราบผลภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนขณะนี้ได้จัดสรรที่ดินเพื่อรองรับไว้หมดแล้ว การกำหนดอัตราค่าเช่าที่ดินที่รัฐจัดให้หากเป็นเอกชนจะมีค่าเช่าปีละ 32,000 บาทต่อไร่ต่อปี ส่วนถ้าเป็นนิคมอุตสาหกรรมค่าเช่าจะอยู่ที่ประมาณ 116,000 บาทต่อไร่ต่อปี ขณะนี้ทราบว่า มีผู้มาติดต่อกับบีโอไอเพื่อเตรียมลงทุนแล้ว 6 ราย สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการที่ดินในการประกอบกิจการก็สามารถยื่นเรื่องได้ตามปกติและดำเนินการได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม หากฝ่ายใดพร้อมก็ให้เริ่มดำเนินการก่อน และหามาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย

ขณะที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในกรณีที่ผู้ลงทุนจะเข้ามาประกอบการในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทั้งในส่วนภาคเอกชนและนิคมอุตสาหกรรม จะต้องยื่นแผนการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งการจัดหาลูกค้า และการจัดหาระบบสาธารณูปโภค สำหรับพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ดำเนินการอยู่นี้ นายอาคม ระบุว่าอยู่ในระยะแรก ที่เน้นแก้ไขความแออัดในพื้นที่เขตเมือง ซึ่งสำรวจพบว่าผู้ที่เข้ามาลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนชาวไทย ส่วนระยะที่ 2 จะมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ตอนในของประเทศ มุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมและการบริการ 9 กลุ่มหลัก ทั้งนี้รัฐบาลได้มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งขณะนี้มีโครงการ ที่จะขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี สร้างสะพานข้ามแม่น้ำแห่งที่ 2 ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตากด้วย

ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร