ผลจากการทำรัฐประหารของกองทัพเมียนมาเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2564 โดยการยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนของนางอองซาน ซูจี จากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ทำให้เกิดเหตุวุ่นวายทางการเมืองในเมียนมาเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะการใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วง ทำให้คนวัยหนุ่มสาวหนีเข้าป่าเพื่อฝึกซ้อมการใช้อาวุธและจับมือกับกลุ่มติดอาวุธของชนกลุ่มน้อย ซึ่งจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในด้านความมั่นคงสำหรับกองทัพเมียนต่อไปอีกหลายสิบปี
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผลการศึกษาเกี่ยวกับประเทศเมียนมา ซึ่งจัดทำ 2 องค์กร คือสภาที่ปรึกษาพิเศษด้านเมียนมา (Special Advisory Council for Myanmar หรือ SAC-M)และอินเตอร์เนชันแนล ไครซิส กรุ๊ป (International Crisis Group) องค์กรศึกษาวิจัยระหว่างประเทศ และแพร่ผลวิจัยต่อสาธารณชนในวันนี้(30 พ.ค.67) บ่งชี้ว่า ในปัจจุบัน กองทัพเมียนมาไม่ได้ควบคุมดินแดนส่วนใหญ่เมียนมาอย่างแท้จริง หากแต่สูญเสียดินแดนร้อยละ 86 คิดเป็นที่ตั้งบ้านเรือนร้อยละ 67 ของจำนวนประชากร 55 ล้านคนของเมียนมา ให้กับฝ่ายต่อต้าน อีกทั้งสูญเสียเส้นทางเชื่อมโยงสู่การค้าชายแดนระหว่างประเทศ เช่น ชายแดนทางภาคเหนือ ซึ่งติดต่อกับจีน เมืองเมียวดีทางภาคตะวันออกซึ่งติดต่อกับประเทศไทย
ทั้งสององค์กรเสนอแนะให้ประเทศเพื่อนบ้าน องค์กรระดับภูมิภาคและประชาคมระหว่างประเทศ ให้ติดต่อสัมพันธ์กับฝ่ายต่อต้าน และภาคประชาสังคมของเมียนมา เพื่อส่งมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์และความช่วยเหลือต่างๆไปให้กับประชาชนชาวเมียนมา
#สถานการณ์เมียนมา