เปิดขั้นตอน ประสานอินโดนีเซีย นำ 'แป้ง นาโหนด' นักโทษหลบหนีคดี กลับไทย

          คดีนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด หลบหนีการคุมขังระหว่างออกมารักษาที่โรงพยาบาล  ไปยังประเทศอินโดนีเซีย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อรายงานถึงความคืบหน้า ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินการจับกุม “แป้ง นาโหนด” ได้

       พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่าได้จับกุมแป้งนาโหนดได้ที่ บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.) กระทรวงยุติธรรมจะมีการประสานเพื่อรับตัว แป้ง นาโหนด ที่กรุงจากาตาร์  หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พ.ต.อ.ทวี ได้บินไปที่อินโดนีเซียเพื่อประสานงานกับทางการอินโดนีเซีย โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และนายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้ พล.อ. นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศ  ร่วมกันดำเนินการ เนื่องจากแป้ง นาโหนด ได้ปลอมหนังสือเดินทาง และเข้าไปอยู่ในอินโดนีเซีย และมีรายงานว่า ได้ระมัดระวังตัวมาก ระหว่างที่อยู่ในเมืองเมดาน บนเกาะสุมาตรา ที่บาหลี และอีกหลายแห่ง จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าวันนี้จึงได้มีการเข้าควบคุมตัวได้ที่บาหลี ซึ่งเพิ่งบินไปเที่ยวบาหลี แต่ปกติพักอยู่ที่เมดาน เนื่องจากมีคอนโดใหญ่อยู่ที่นั่น

          โดยในเที่ยงวันนี้ ตำรวจอินโดนีเซียได้วิดีโอคอลมายังตนเองเพื่อให้สอบปากคำ แป้ง นาโหนด และเป็นการยืนยันว่าเป็นแป้ง นาโหนดจริง พร้อมกันนี้ต้องขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะตำรวจภูธรภาค 9 และที่สำคัญเมื่อได้ตัว แป้ง นาโหนดแล้ว อาจจะนำมาซึ่งเบาะแส เมื่อได้ตัวมาแล้วก็อาจจะได้เครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย

          จากการพูดคุยแป้ง นาโหนด ยอมรับว่าจนมุมแล้ว ซึ่งทางการไทยได้ขอให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และจะรับรองเรื่องความปลอดภัย อีกทั้ง แป้ง นาโหนดไม่เคยเตรียมตัวว่า จะถูกจับกลุ่มได้ เพราะคงคิดว่าเป็นช่วงที่ปลอดภัยที่สุด จึงไปเที่ยว หากคิดว่าไม่ปลอดภัยก็จะอยู่แต่ในห้อง

           สำหรับเบาะแสสำคัญคือ เคยมีผู้หญิงไทยหลายคนบินไปหาแป้ง นาโหนด ที่อินโดนีเซียตลอด ซึ่งรายละเอียดอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน และไม่ขอระบุว่าเป็นคนในครอบครัวหรือไม่ แต่เท่าที่ดูเบื้องต้นไม่ใช่คนในครอบครัว ซึ่งเชื่อมโยงกับกรณีจับชาวอินโดนีเซียไปเรียกค่าไถ่ด้วย

          ส่วนขั้นตอนการนำตัวกลับมาดำเนินคดีนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า อยู่ในกระบวนการของตำรวจอินโดนีเซีย เนื่องจากแป้ง นาโหนด ถือหนังสือเดินทางปลอม ซึ่งแป้ง นาโหนดอาจจะเคยถูกตำรวจอินโดนีเซียจับกุมหลายครั้ง แต่จะแสดงตัวเป็นคนใบ้เพราะไม่สามารถพูดภาษาอินโดนีเซียได้ ขณะเดียวกันต้องชื่นชมความสามารถของตำรวจอินโดนีเซีย เมื่อได้รับทราบข้อมูล และจากการที่ตนไปที่อินโดนีเซีย 2-3 วัน ได้ดูเทคนิควิธีการสืบสวนสอบสวนมีความเป็นมืออาชีพ พร้อมบอกว่า ขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่าเขาจะทำให้เต็มที่

            ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด  เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันแน่ชัดว่า คนร้ายหลบไปอยู่ประเทศไหนแน่นอนแล้ว อัยการสูงสุด จะดูว่า ประเทศไทยกับประเทศปลายทางที่จะเป็นผู้รับคำขอ มีสนธิสัญญาระหว่างกันหรือไม่ หากนายเชาวลิต หลบหนีอยู่ที่อินโดนีเซีย เราสามารถขอให้อินโดนีเซีย ส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาให้เราได้ เพราะเรามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทย-อินโดนีเซีย ที่ทำไว้ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. 2519 พนักงานอัยการประเทศไทยกับทีมพนักงานอัยการประเทศอินโดนีเซีย มีความร่วมมือประสานงานกันอย่างดีมานาน  มั่นใจได้ว่าสามารถประสานงานกันได้อย่างราบรื่น

          สำหรับ แป้ง นาโหนด  หลบหนีออกจากโรงพยาบาลมหาราช ที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อ 22 ต.ค. 2566  และถูกจับกุมตัวได้ในวันนี้ (30 พ.ค. 2567) รวมเป็นเวลา 222 วัน ที่หลบหนีจนถูกจับได้ กำลังประสานตัวกลับมาไทย

#แป้งนาโหนด