ประเด็นการโจมตีไปที่ค่ายผู้พลัดถิ่นในเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา เมื่อวันอาทิตย์(26 พ.ค.67) ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากส่วนมากเป็นผู้หญิงและเด็ก กลายเป็นภาพที่ทั่วโลก และ ล่าสุด กลุ่มฮามาส กดดันไปที่อิสราเอลมากขึ้น ซึ่งกองทัพอิสราเอล อยู่ระหว่างการตรวจสอบ นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกฯ อิสราเอล ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดที่น่าเศร้าใจ กองทัพมุ่งเป้าไปที่การสังหารเจ้าหน้าที่อาวุโสของฮามาส 2 คน และไม่ได้ตั้งใจให้พลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บ
นายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ทันทีที่เห็นรายงานเหตุการณ์ที่เมืองราฟาห์ สหรัฐฯมีความกังวล และเรียกร้องให้อิสราเอล สอบสวนตามที่อิสราเอลให้สัญญาไว้ แต่ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในเมืองราฟาห์จนถึงตอนนี้ยังไม่ใหญ่เท่ากับปฏิบัติการในฉนวนกาซาตอนกลางหรือตอนเหนือ
ล่าสุด ประเด็นนี้ทำให้ผู้สื่อข่าวในสหรัฐฯ สอบถาม นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อนโยบายของคณะผู้บริหารสหรัฐฯที่มีต่ออิสราเอลหรือไม่และประธานาธิบดีโจ ไบเดน เห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายเคอร์บี กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เมืองราฟาห์ ยังไม่ได้ก้าวข้ามเส้นสีแดงของประธานาธิบดีไบเดน และผู้นำสหรัฐฯ ได้รับรายงานตลอด กำลังติดตามการสอบสวนอย่างใกล้ชิดถึงการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ซึ่งเรียกว่าโศกนาฏกรรม สหรัฐฯไม่ต้องการเห็นการปฎิบัติการภาคพื้นดิน เพราะก่อนหน้านี้สหรัฐฯ กดดันอิสราเอลว่าจะไม่สนับสนุนการบุกเมืองราฟาห์ หากอิสราเอลไม่มีแผนดูแลประชาชนผู้พลัดถิ่น
การโจมตีที่เกิดขึ้นจะทำให้ประธานาธิบดีไบเดน อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือไม่ นายเคอร์บี ชี้แจงว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลจะทำให้อิสราเอลอันตราย ถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐฯไม่ต้องการที่จะเห็น
#สหรัฐฯ
#อิสราเอล
#โจมตีเมืองราฟาห์
แฟ้มภาพ