นพ.อดินันท์ กิตติรัตนไพบูลย์ ผอ.โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ แถลงชี้แจงความคืบหน้าอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เครื่องบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ321 ตกหลุมอากาศและขอลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนนำตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ ว่า ขณะนี้โรงพยาบาล ยังรับดูแลคนไข้ผู้ป่วยในจำนวน 41 คน เป็นชาวอังกฤษ 10 คน ชาวออสเตรเลีย 9 คน มาเลเซีย 7 คน ฟิลิปปินส์ 4 คน สหรัฐอเมริกา 2 คน นิวซีแลนด์ 2 คน เมียนมา 2 คน และอีกประเทศละ 1 คนคือ ไอร์แลนด์ อิสราเอล เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และญี่ปุ่นโดยในจำนวน 41 คน พบว่า มีอาการบาดเจ็บของกระดูกสันหลัง และไขสันหลัง 21 คน กระโหลกศรีษะ 6 คน บาดเจ็บกระดูกกล้ามเนื้อและอื่นๆ 13 คน ซึ่งบางคนอาจมีอาการบาดเจ็บมากกว่า 1 จุด แต่จะนับจุดที่มีอาการรุนแรงที่สุด คนไข้ทั้ง 41 คนมีคนไข้ที่อาการทุเลาลง และแพทย์อนุญาตกลับบ้านได้ 1 คนและเหลือคนไข้ในที่ดูแล 40 คน
สำหรับคนไข้ที่อยู่ในโรงพยาบาลได้รับการรักษาแบบผ่าตัด 17 คน เป็นผ่าตัดกระดูกสันหลังช่วงคอ 5 คน และผ่าตัดกระดูกสันหลังช่วงอก 4 คน และซ่อมแซมแผลที่ฉีกขาด 8 คน และบางส่วนรักษาแบบประคับประคอง โดยคนไข้ที่รับรักษามีหลายคนที่อาการรุนแรงได้รับการคัดกรองเป็นสีแดง แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ยังถือว่าอาการยังหนัก
ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 พ.ค. มีคนไข้สีแดง 6 คน บางคนมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ แต่จุดนี้ยังเป็นการเร็วไปที่จะบอกว่า ผู้ป่วยแต่ละคนจะต้องรักษาตัวนานเท่าไหร่ เพราะแพทย์จะมีการประเมินอาการทุกวัน และสำหรับผู้ป่วยที่อาการหนักที่สุด ขณะนี้พบว่า มีอาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังส่วนคอ ซึ่งเบื้องต้นมีการผ่าตัดไปแล้ว ส่วนการประเมินว่า ผู้ป่วยจะพิการหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ เพราะจำเป็นจะต้องมีการประเมินจากแพทย์และติดตามอาการรายวัน
นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง จะต้องมีการดูแลจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ส่วนกรณีที่ผู้ป่วยรักษาจนหายดีแล้ว และจะเดินทางกลับประเทศต้นทางนั้น ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด ในการดำเนินการส่งตัวกลับประเทศต่อไป โดยผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษามีอายุตั้งแต่ 2-83 ปี ซึ่งในอาการของผู้ป่วยที่เป็นเด็กไม่น่าเป็นห่วง
#ผู้บาดเจ็บ
#สิงคโปร์แอร์ไลน์
#ตกหลุมอากาศ