รอหลักฐานให้ชัด ขยายผลจับคนที่อยู่เบื้องหลัง แก๊ง 1% นายช่างโยธา เรียกรับเงิน ด้าน ผู้ว่าฯ กทม.ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง

21 พฤษภาคม 2567, 12:48น.


          หลังจากที่เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน เปิดปฏิบัติการทลายแก๊ง 1 % จับนายภีมพงษ์ อายุ 46 ปี นายช่างโยธาชำนาญงาน ระดับ ซี 6 กองจัดกรรมสิทธิ์ สำนักงานโยธา กรุงเทพมหานคร และ พวก คือ น.ส.อรนุช อายุ 38 ปี นายปองพล อายุ 52 ปี และ น.ส.ลินดา อายุ 43 ปี เรียกรับเงินสินบน 9 ล้านบาท เพื่อแลกกับการช่วยแก้ไขแบบแนวเขตโครงการถนนเลียบวารี ไม่ให้ล้ำเข้าไปในเขตสนามกอล์ฟ เครือข่ายดังกล่าวทำเป็นกระบวนการ มักจะเรียกรับเงินจากผู้ที่ได้ประโยชน์ในโครงการต่างๆ เป็นจำนวน 1 เปอร์เซ็นต์  ผู้เสียหายเจ้าของสนามกอล์ฟ ทราบมาว่า แนวเขตการเวนคืนในการก่อสร้างของกรุงเทพมหานคร มีแนวเวนคืนแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวเขตที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มโครงการได้ จึงเดินทางมาร้องเรียนที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) ให้ตรวจสอบการกระทำของนายภีมพงษ์ กับพวก



           พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยว่า ภายหลังการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 4 รายแล้ว พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. อนุญาตให้ผู้ต้องหา 3 คน ได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน ประกอบด้วย น.ส.อรนุช นายปองพล และ น.ส.ลินดา



            ส่วนนายภีมพงษ์ ผู้ต้องหาสำคัญเพียงรายเดียวที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจาก พนักงานสอบสวนมองว่ามีพฤติกรรมไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ คาดว่าหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนชั้นสอบสวนแล้วจะเร่งนำตัวส่งฝากขังยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป



            พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า แม้ขณะนี้จะสามารถจับกุมผู้ต้องหาคนสำคัญอย่างนายภีมพงษ์ และพวกได้ 4 รายแล้ว แต่จากแนวทางสืบสวนยังเชื่อว่าขบวนการดังกล่าวไม่ได้มีเพียงเท่านี้ โดยเชื่อว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำแหน่งสูงกว่านายภีมพงษ์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง หรือสนับสนุนอยู่เบื้องหลังอีกด้วย เพราะลำพังแค่นายภีมพงษ์ คนเดียวนั้นคงไม่สามารถดำเนินการได้ถึงเพียงนี้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่พอมีหลักฐานความเชื่อมโยงอยู่บ้าง แต่คงต้องใช้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดว่าเจ้าหน้าที่รายนี้ร่วมกระทำผิด หรือว่ารับผลประโยชน์จากการขบวนการทุจริตนี้ด้วยหรือไม่



           นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.สั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นายชัชชาติ ยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้มีรายเดียว แต่มีอยู่ถึง 6 เคส เราไม่ทนต่อการทุจริตอยู่แล้ว แต่เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม จึงให้ฝ่ายที่รับผิดชอบทำงานสืบสวนโดยตรง ทั้งนี้ โทษอาจจะได้รับโทษปลดออกหรือไล่ออกทางราชการ ส่วนทางตำรวจจะดำเนินคดีความทางอาญาต่อไป เช่นเดียวส่วนเรื่องการขยายผลเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ



            ด้าน พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเสริมว่า ทราบเบาะแสตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ได้มีการพูดคุยกับทาง ป.ป.ท.อีกทั้งเรื่องนี้มีการแจ้งทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไว้แล้วส่วนหนึ่ง จึงได้นำหมายจับที่ศาลอนุมัติเข้าจับกุมผู้ต้องหา



#ทลายแก๊ง1%



CR:ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB)



 

ข่าวทั้งหมด

X