หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพิกถอนหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวกับสื่อมวลชนระหว่างร่วมรับประทานอาหารกลางวันสื่อมวลชน ที่รังนกกระจอก ทำเนียบรัฐบาล ว่า เรื่องนี้จะเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย. คสช. จะไม่เข้าไปสั่งการใดๆในมาตรา.112 นั้น ก็เป็นไปตามขั้นตอนเพราะขณะนี้มีประชาชนเข้ามาแจ้งความเอาผิดหลายอยู่ราย ส่วนเรื่องการถอดยศของพ.ต.ท.นั้น ยอมรับว่า คสช.มีอำนาจสามารถทำได้ แต่หนักใจเพราะต้องเกี่ยวข้องกับทางสถาบันฯ ซึ่งจะต้องมีการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศ นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ว่าตัวเองไม่เคยติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ. เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดคุยกัน. และขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งหากคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาต่อสู้ทางกระบวนการทางคดีตั้งแต่แรก บ้านเมืองคงไม่เป็นเช่นนี้
ส่วนการแก้ปัญชาชาวโรฮิงญา.นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะให้ทุกประเทศที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหาไข ซึ่งจะมีการนำไปหารือในการประชุมวันพรุ่งนี้ 29พ.ค.ด้วย ขณะนี้มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการแล้ว ส่วนสหรัฐ จะมาขอใช้ฐานทัพเรืออู่ตะเภา.ในการบินสำรวจ หากจะเข้ามา สหรัฐจะต้องอยู่ภายใต้การบัญชาการของกองทัพไทย
สำหรับการยกร่างรัฐธรรมนูญ นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การทำงานขณะนี้กำลังเดินตามแผนโรดแม็ป ในขั้นที่ 2 ซึ่งการร่างรัฐธรรมนูญ จะเป็นการวางอนาคตประเทศ เพื่อไว้ให้ลูกหลานไทย ทั้งในเรื่องของการเกษตรและเศรษฐกิจ รวมถึงพลังงาน โดยในเรื่องของการเกษตร ก็อยากให้เกษตรกร หันมาเพาะปลูกพืช ที่ใช้น้ำน้อย และปรับตัวเข้ากับสภาวะสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกมีผลกระทบต่อการเดินหนัาของประเทศ ซึ่งจะต้องมีการปฏิรูป เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยยอมรับว่าความเท่าเทียมไม่มีในโลกแต่สามารถสร้างได้ด้วยกฏหมาย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกัน พร้อมกันนี้ยืนยันว่าไม่เคยใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานต่างๆ
ในวันนี้ สำนักนายกรัฐมนตรีได้ เลี้ยงอาหารกลางวันสื่อมวลชน และข้าราชการในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นประจำทุก 3เดือน มีเมนูเช่น ข้าวมันไก่,ราดหน้า ,ส้มตำ ไก่ย่าง และผลไม้ไทย ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ได้เลือกทาน ราดหน้า ข้าวมันไก่ และก๋วยเตี๋ยว และยังสั่งส้มตำปูปลาร้า มารับประทานเป็นพิเศษด้วย