กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคหรือ(CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนเม.ย.ในวันนี้ พบว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้นร้อยละ 3.4 ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับร้อยละ 3.5 ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้นร้อยละ 0.3 ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับร้อยละ 0.4 ในเดือนมี.ค.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้นร้อยละ 3.6 ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับร้อยละ 3.8 ในเดือนมี.ค.
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์มองว่า หากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด ก็จะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า และมีโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ แต่ถ้าเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาด มีโอกาสที่เฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ย และยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไป
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลงร้อยละ 0.41 สู่ระดับ 104.57 ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าร้อยละ 0.34 สู่ระดับ 1.085 เทียบยูโร และร่วงลงร้อยละ 0.78 สู่ระดับ 155.19 เยน
ด้านสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ0.5 ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง
จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์เพิ่มขึ้นร้อยละ ในสัปดาห์ที่แล้ว และเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลงร้อยละ 2 ในสัปดาห์ที่แล้ว และลดลงร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อการจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 766,550 ดอลลาร์ ปรับตัวลงสู่ระดับร้อยละ 7.08 จากระดับร้อยละ 7.18 ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
#เงินเฟ้อสหรัฐ
#เฟดลดดอกเบี้ย