+++นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 25 พ.ค.2558 ไทยมีนักท่องเที่ยว ต่างชาติเดินทางเข้ามา 11.95 ล้านคน ทำรายได้รวม 5 แสน 78,945 ล้านบาท ดังนั้นจึงประเมินว่าผลจากตลาดต่างประเทศปีนี้ยังอยู่ในแนวโน้มที่ตั้งไว้ที่ 28.5 ล้านคน ทำรายได้รวม 1.4 ล้านล้านบาท วางกรอบเป้าหมายของ ปี 2559 ไว้ราว 2.3-2.4 ล้านล้านบาท ส่วนความคืบหน้าการเปิดรับสมัครผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หลังจากการเปิดรับสมัครไปเมื่อวันที่ 7 พ.ค. จากการตรวจสอบล่าสุดยังไม่มีผู้มาสมัครเข้ามา ได้ให้คณะกรรมการ ททท.ติดตามกระบวนการหลังจากนี้อย่างใกล้ชิด และดำเนินการให้มีผู้ว่าการคนใหม่เข้ามาก่อนเดือน ส.ค. หากมีการปิดรับสมัครในวันที่ 5 มิ.ย.นี้แล้ว เนื่องจากพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายฯ เร่งกระบวนการสรรหาดังกล่าว เพื่อให้ได้บุคคลมาช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมหลัก ที่สามารถพยุงเศรษฐกิจของประเทศ และยังสามารถสร้างการเติบโตเชิงรายได้
+++หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บริหารประเทศมาได้ครบ 1 ปี มีการประเมินสถานการณ์ด้านต่างๆ พบว่างานด้านเศรษฐกิจยังต้องปรับปรุงอีกมาก มีรายงานว่า มีการทาบทามนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ไปเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล แทน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ หากกระบวนการทั้งหมดไม่มีอุปสรรค คาดว่าจะปรับปรุงทีมเศรษฐกิจได้ภายในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้
+++วันนี้น่าจับตา ม.ร.ว.ปรีดิยาธร และนายประสาร ร่วมงานยูโรมันนี่ เรื่องการลงทุนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ก่อนหน้านี้ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร ปาฐกถาในงานสัมมนา Invest Japan Symposium in Bangkok จัดโดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ถึงสถานการณ์การส่งออกของไทยว่า เมื่อดูจากภาพรวมการส่งออกของไทยเริ่มสบายใจขึ้น เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งช่วงเดือนนี้ หลังจากการส่งออกไตรมาสแรกหดตัวร้อยละ 4.3 ขณะที่เดือนเมษายนการส่งออกดีขึ้น คือติดลบลดลงเหลือร้อยละ 1.7 ส่วนการแก้ปัญหาหนี้จากรัฐบาลชุดก่อนกว่า 7.2 แสนล้านบาท เบื้องต้นจะใช้วิธีการออกพันธบัตร แต่จะยังไม่ระบุจำนวนและระยะเวลาว่าจะยาวนานเท่าใด อีกทางคือกระทรวงการคลังจะมีการขายหุ้นบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ทำกำไร เพื่อนำมาใช้หนี้ น่าจะนำมาใช้ทำประโยชน์มากกว่า
+++ขณะที่ ตัวแทนกลุ่มประสานงานบุคคลรัฐวิสาหกิจ (กบร.) จากรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง มีการประชุมเพื่อกำหนดท่าทีเสนอต่อรัฐบาล ให้ปรับเงินเดือนพนักงานรัฐวิสาหกิจ ภายหลังมีการปรับขึ้นเงินเดือนลูกจ้างและข้าราชการไปแล้วก่อนหน้านี้ นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์ แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) กล่าวว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครส.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธาน วันนี้ ใน 2 ประเด็นคือ 1.ให้มีการปรับเงินเดือนตาม พนักงานรัฐวิสาหกิจทุกตำแหน่งจำนวน 1 ขั้น หรือเพิ่มเงินเดือนร้อยละ 4 เพื่อความเท่าเทียมกับข้าราชการ เพราะรัฐบาลไม่ควรเลือกปฏิบัติ 2.ขอให้แก้ปัญหาในทางปฏิบัติของการปรับโครงสร้างเงินเดือนรัฐวิสาหกิจ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดือนกุมภาพันธ์ 2558 ที่พบว่ามีปัญหาในทางปฏิบัติ มีการตีความมติ ครม.จนไม่สามารถขึ้นเงินเดือนได้จริง โดยจะขอให้ ครส.พิจารณา และนำเสนอต่อ ครม.เพื่อพิจารณาต่อไป
+++ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน เม.ย. และ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) จะแถลงการส่งออกเดือน พ.ค. พร้อมประเมินสถานการณ์ในระยะต่อไป
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ 121.45 จุด ปิดที่ 18162.99 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 19.28 จุด ปิดที่ 2123.48 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 72.84 จุด ปิดที่ 5106.59 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ หลังจากนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซได้แสดงความเชื่อมั่นว่า กรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ใกล้จะบรรลุข้อตกลงเพื่อช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตหนี้สิน หลังจากที่การเจรจายืดเยื้อมานานหลายเดือน
นอกจากนี้มีรายงานว่า รัฐบาลกรีซเตรียมใช้เงินในบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของรัฐบาล เพื่อนำไปชำระหนี้งวดต่อไปกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ( ไอเอ็มเอฟ) ในวันที่ 5 มิ.ย. โดยนายยานิส วารูฟากิส รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกรีซได้ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการผิดชำระหนี้ เจ้าหน้าที่กรีซได้ประชุมร่วมกับกลุ่มเจ้าหนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ขณะที่เส้นตายในการชำระหนี้ให้กับไอเอ็มเอฟ ช่วงต้นเดือนมิ.ย.กำลังงวดเข้ามาทุกที ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ประเด็นหนี้สินของกรีซอาจจะนำมาหารือนอกรอบการประชุม G7 ซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวานนี้ที่เมืองเดรสเดน ประเทศเยอรมนี
+++ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐฯ งวดส่งมอบดือน ก.ค. ลดลง 52เซนต์ ปิดที่ 57.51 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้นและความกังวลปัญหาความรุนแรงในอิรัก ส่งผลอาจทำให้เกิดน้ำมันล้นตลาดอีกครั้ง ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน ลดลง 1.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.06 ดอลลาร์ฯ
+++ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก สหรัฐฯ ลดลง 1.30 ดอลลาร์ ต์ ปิดที่ 1,185.60 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ ออนซ์ นักลงทุนหวั่นปัญหาหนี้กรีซ และ ความกังวลว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้
+++การลดอุบัติเหตุบนถนน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า มูลนิธิรณรงค์โครงการเมาไม่ขับอย่างต่อเนื่อง แต่พบว่ายังไม่สามารถลดความสูญเสียบนท้องถนนลงได้ โดยเฉลี่ยแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตประมาณ 12,000 รายต่อปี และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นโครงการ เมาขับจับขั" ถือว่าเป็นอีกหนึ่งของโครงการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้การรณรงค์เมาไม่ขับ เพราะที่ผ่านมาโทษของการเมาแล้วขับนั้นถือว่าเบามากจนส่งผลให้ประชาชนไม่มีความเกรงกลัว แม้ว่าบทลงโทษจะบัญญัติโทษ จำคุกแต่ก็ยังมีการรอลงอาญาซึ่งหลายคนไม่เกรงกลัว ดังนั้นหากมีการจับขังทันทีเมื่อตรวจพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะทำให้คนเกรงกลัวต่อกฎหมายมากยิ่งขึ้น โดยจะล่ารายชื่อจากประชาชนทั่วประเทศให้ได้ 1 ล้านรายชื่อมอบให้แก่นายกฯ
+++กรมการขนส่งทางบก เตรียมออกกฎระเบียบควบคุมรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือรถบิ๊กไบค์ ที่เสียงดังผิดปกติจนสร้างความเดือดร้อนต่อผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนรวม นายวัฒนา พัทรชนม์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะมีมาตรการเข้าไปตรวจสอบรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ต้นแบบก่อนให้การรับรองการผลิตและจัดจำหน่ายภายในประเทศ โดยเฉพาะระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ต้องไม่เกิน 95 เดซิเบลเอ นอกจากนี้จะมีมาตรการตรวจสอบระบบควบคุมการผลิต การตรวจสอบโรงงานผู้ผลิต และการสุ่มตรวจรถ อะไหล่ หรือท่อไอเสีย ซึ่งมีผลทำให้ระดับเสียงของรถดังผิดปกติ ที่วางขายในท้องตลาดอย่างสม่ำเสมอ หากตรวจพบรถบิ๊กไบค์ที่นำมาจำหน่ายไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ กรมการขนส่งทางบกจะระงับหนังสือรับรองแบบชั่วคราว เพื่อให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าดำเนินการแก้ไข แต่หากผู้ผลิตไม่สามารถจัดการแก้ไขให้ถูกต้องได้ จะพิจารณาเพิกถอนหนังสือรับรองแต่ละกรณี
+++พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ผู้ช่วยงานจราจร กล่าวว่า จากที่ขณะนี้โรงเรียนได้เปิดภาคการศึกษาครบแล้วส่งผลให้การจราจรกลับมาหนาแน่น โดยปัญหารถติดบริเวณสี่แยกไฟแดงสาเหตุหลักจากปริมาณรถ ไม่สัมพันธ์กับสัญญาณไฟ ซึ่งตามปกติแต่ละด้านจะรอรถไม่เกิน 4 นาที แต่ในปัจจุบันถนนที่จะรองรับรถที่มาจากสี่แยกไม่สามารถระบายรถได้ ทำให้นาทีในการกักรถในแต่ละแยกเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับรถ ดังนั้นในแต่ละแยกจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจ ของจราจรแต่ละนาย แต่อย่างไรก็ตามได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปล่อยสัญญาณไฟโดยให้ประชาชนที่รอในแต่ละด้านใช้เวลารอไม่เกิน 4 นาที สำหรับแยก-ถนนที่มีปัญหามากที่สุดในกรุงเทพฯที่ยังคงมีปัญหาจราจรติดขัดอยู่ได้แก่ 1.พระโขนง ถนนสุขุมวิท 2.มไหสวรรย์ 3.รามคำแหง 4.เพชรบุรี 5.อโศก 6.พระราม 4 7.รัชดาภิเษก 8.ลาดพร้าว 9.สุขุมวิท 10.สวรรคโลก