+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะเป็นประธานการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับทุกจังหวัดซึ่งจะจัดขึ้นที่ศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ ช่วงเช้าวันที่ 8 มิ.ย.โดยที่ทำเนียบรัฐบาลจะมีการเชิญคณะทูตานุทูต และตัวแทนองค์กรในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านทุจริตทั้งในและต่างประเทศ เข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(คตช.) กล่าวว่า นายกฯจะพูดถึงการคอร์รัปชั่นตั้งแต่ก่อนยึดอำนาจว่ามองเรื่องทุจริตอย่างไร และเล่าให้ฟังว่าเมื่อมาเป็นนายกฯ แล้วพบปัญหาอะไรและแก้ไขอย่างไร
+++พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เปิดเผยกรณีการเสนอรายชื่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตล็อต 2 ว่า ที่ประชุม ศอตช.มีมติเสนอชื่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตล็อต 2 จำนวน 152 รายชื่อ มีข้าราชการระดับสูงและจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 หลายกระทรวง รวมถึงกระทรวงยุติธรรมด้วย อีกทั้งยังมีผู้เกี่ยวข้องกับโครงการทุจริตก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งด้วยเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาแล้ว นอกจากนี้ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังต้นสังกัดข้าราชการที่มีรายชื่อเกี่ยวข้องกับการทุจริตในล็อตแรกจำนวน 198 คน ว่าต้นสังกัดทำอะไรไปแล้วบ้าง กรณีส่วนของบุคคลที่ไม่ใช้มาตรา 44
+++การประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงมหาดไทย เมื่อวานนี้ มีมติปลดออกจากราชการคือ นายสมพงษ์ อรุณโรจน์ปัญญา ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ในความผิดที่ สตง.ชี้มูลกรณีการทุจริตการใช้งบประมาณเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน และการใช้งบประมาณ ยาปราบศัตรูพืช เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เมื่อปี 2554-2555 ในขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯบึงกาฬ โดย อ.ก.พ.มีมติปลดออกจากราชการ
+++ขั้นตอนหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถูกเพิกถอนหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ฝ่ายความมั่นคงได้เสนอให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องภายในอำนาจหน้าที่ หลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พิจารณาเห็นว่า ถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเนื้อหาบางส่วนที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ปลอดภัย หรือชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย ประกอบกับกรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบสวนสวบสวน เพื่อดำเนินคดีอาญาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 326 และ 328 และพ.ร.บ. ว่าด้วย ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14(3) และ(5) กระทรวงการต่างประเทศได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าข่ายที่จะยกเลิกหนังสือเดินทางตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ข้อ 21(4) และข้อ 23(2) จึงได้ประกาศยกเลิกหนังสือ เดินทาง เลขที่ U957441 และเลขที่ Z530117 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. 2558 จากนี้จะส่งหนังสือเวียนถึงสถานเอกอัครราชทูตไทยที่ประจำการในทั่วโลก เพื่อแจ้งให้ทราบถึงคำสั่งดังกล่าว
+++ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า ตร.ไม่ได้เป็นผู้เสนอเรื่องไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงได้มีข้อมูลพบว่าอดีตนายกฯได้ไปพูดให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศแล้วเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหลายข้อ จึงได้เข้าไปแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการ กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ให้ดำเนินคดี ซึ่งเรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ จากนั้น ปอท. ได้รายงานไปยังกระทรวงการต่างประเทศทราบว่ามีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความให้สอบสวนคดีดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ใช้ดุลพินิจแล้วเห็นว่ามีเหตุเข้าข่ายการกระทำความผิดและอยู่ระหว่างการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้พิจารณายกเลิกหนังสือเดินทาง
+++การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดพิเศษ 29 พ.ค.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า จะหารือถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เพื่อเปิดช่องให้ทำประชามติ พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงการเขียนบรรจุในร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารทำรัฐประหารในอนาคตว่า ในส่วนตัวและ ครม.ไม่มีปัญหา เป็นเรื่องของสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ( สปช.) ส่วนจะป้องกันได้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่ที่วิกฤต สถานการณ์ข้างหน้า แต่ไม่มีใครหรือทหารคนใดอยากทำรัฐประหาร
+++เช้านี้ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน นัดประชุมพิจารณาการกำหนดแนวทางแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นต่างๆ
+++พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เรียกประชุมนายตำรวจที่ถูกสั่งให้มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจ (ศปก.ตร.) ล็อตใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้ ในเวลา 13.30 น. เพื่อเปิดโอกาสให้ชี้แจง และตำรวจทั้ง 21 นายที่ถูกให้มาช่วยราชการจะมารายงานตัวด้วย โดยจะเปิดโอกาสให้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงในการปฏิบัติงานว่าเหตุใดเมื่อเกิดเหตุการณ์แล้วไม่ยอมรายงานมายังผู้บังคับบัญชา
+++ส่วนพล.ต.ต. ทวิพงศ์ พงษ์สูงเนิน ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 (ผบก.ส.3) ที่ถูกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ทำหนังสือชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตของตำรวจ สันติบาล 3 ในพื้นที่ จ.นครปฐมแล้ว ทำให้ ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งให้ ผบก.ส.3 กลับไปปฏิบัติราชการในสังกัดตามเดิม
+++ นายนรชิต สิงหเสนี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐฯ จะขอใช้ฐานทัพบริเวณอู่ตะเภาเพื่อเป็นที่สำรวจผู้อพยพโรฮิงญาว่า สหรัฐฯ ได้ส่งเรื่องคำขอนี้มาจริง และขอส่งเครื่องบินลาดตระเวนมาร่วมปฏิบัติการกับไทย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานให้สหรัฐฯ ส่งรายละเอียดต่างๆ มาให้เพิ่มเติม พร้อมให้ระบุว่าจะมาในวันใด ซี่งขณะนี้ยังไม่ได้วันที่แน่นอน และยังไม่ทราบรายละเอียดเชิงลึก ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า ถ้ามาไทยจริงต้องอยู่ภายใต้การปฎิบัติตามการบังคับบัญชาของไทย พร้อมระบุด้วยว่า ทราบมาว่าสหรัฐฯ จะขอใช้พื้นที่สนามบินภูเก็ตเพิ่มด้วย ซึ่งต้องรอดูรายละเอียดที่แน่นอนอีกครั้ง
+++ผบ.ตร. กล่าวถึงการเตรียมพร้อมในการร่วมประชุมในวันพรุ่งนี้ว่า ส่วนตัวแนะนำให้ตั้งเป็นรูปคณะกรรมการร่วมระหว่างทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ภาค 9 เพื่อประสานงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทางการมาเลเซียในการตรวจสอบพื้นที่บริเวณหลุมศพที่เพิ่งถูกค้นพบ
+++เจ้าหน้าที่ของทางการมาเลเซีย พบ พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันทน์ ผบช.ภ.9 ที่สถานีตำรวจภูธรสะเดา จ.สงขลา เพื่อร่วมประชุมขอความร่วมมือในการนำศพบางส่วนที่พบบริเวณเทือกเขาแก้วในเขตรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ลำเลียงผ่านข้ามเข้ามาในเขตไทย เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ตามขั้นตอน เนื่องจากมีพื้นที่บางส่วนทุรกันดารมากจึงเป็นอุปสรรคในการเคลื่อนย้ายศพจำนวนหนึ่ง แต่หลังใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.ท.มนตรี ชี้แจงว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเป็นทางการ เพราะในระดับพื้นที่ไม่สามารถตัดสินใจหรือให้คำตอบได้ จึงจะนำเสนอต่อไปยังผู้บังคับบัญชาเป็นผู้พิจารณาดำเนินการต่อไป
+++บรรดาชาติสมาชิกของรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน (เอพีเอชอาร์) ต่างแสดงความไม่เห็นด้วยกับการผ่านกฎหมายควบคุมประชากรฉบับใหม่ของรัฐบาลเมียนมาร์ ซึ่งประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพราะมองว่ามีเป้าหมายเพื่อควบคุมประชากรและเป็นอีกหนึ่งมาตรการในนโยบายจัดการและล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยโดยเฉพาะชาวโรฮิงญา และชาวมุสลิม เป็นการจำกัดสิทธิในการขยายเผ่าพันธุ์