*ทันสถานการณ์โลกเวลา06.30น.*

28 พฤษภาคม 2558, 05:46น.


+++โฆษกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า)แถลงว่า นายเซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานฟีฟ่า และนายเฌอโรม วัลค์เค่ เลขาธิการฟีฟ่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการถูกสอบสวนคดีทุจริตกรณีการคัดเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 เช่นเดียวกับ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมแห่งประเทศไทยที่ไม่เกี่ยวข้อง หลังจากตำรวจสากล ร่วมกับเอฟบีไอ และตำรวจท้องถิ่นของสวิตเซอร์แลนด์ เข้าทำการจับกุมผู้บริหารระดับสูงของฟีฟ่า ในข้อหาทุจริตจากการโหวตเลือกประเทศเจ้าภาพฟุตบอลโลก ในปี 2018 และ 2022 ตามคำขอของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่ได้ดำเนินการยื่นฟ้องดำเนินคดีในข้อหารับเงินสินบนกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3,200 ล้านบาท รวมทั้งข้อหาอีกหลายกระทง โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงฟีฟ่าจะต้องถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ 



+++สำนักข่าวบีบีซี ได้ยืนยันรายชื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางส่วนออกมาแล้วได้แก่ 1.นายเอ็ดดัวร์โด ลี (อุรุกวัย) 2.นายเจฟฟรีย์ เวบบ์ รองประธานลูกหนังโลก จากหมู่เกาะเคย์แมน3.นายโฆเซ มาเรีย มาริน (บราซิล) 4.นายยูเจนิโอ ฟิกัวราโด (อุรุกวัย)



+++เจ้าชายอาลี บิน อัล-ฮุสเซน แห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นคู่แข่งชิงตำแหน่งประธานฟีฟ่า แข่งกับ นายเซปป์ แบลตเตอร์ และทีมที่ปรึกษาของพระองค์ ร่วมประชุม เพื่อหารือถึงผลกระทบจากการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงฟีฟ่าโดนจับกุมในครั้งนี้ ก่อนจะมีการเลือกตั้งประธานฟีฟ่าคนใหม่ ในวันศุกร์ที่ 29 พ.ค.



+++มีรายงานรายชื่อเจ้าหน้าที่ฟีฟ่า 9 คน และผู้เกี่ยวข้อง 5 คน รวม 14 คนที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯออกหมายจับและต้องการนำตัวไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ ประกอบด้วย เจฟฟรีย์ เวบบ์ รองประธานฟีฟ่า, เอดูอาร์โด ลี กรรมการบริหารฟีฟ่า, ฮูลิโอ โรชา เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาของฟีฟ่า, คอสตัส ทักกาส ประธานคอนคาแคฟ, แจ๊ค วอร์เนอร์ อดีตรองประธานฟีฟ่า, ยูจีนิโอ ฟิกูเอเรโด รองประธานฟีฟ่า, ราฟาเอล เอสกีเบล กรรมการบริหารคอนมีโบล (อเมริกาใต้), โฮเซ มาเรีย มาริน กรรมการฝ่ายฟุตบอลโอลิมปิกของฟีฟ่า, นิโคลัส เลออซ อดีตกรรมการบริหารฟีฟ่า, อเลอันโดร บูร์ซาโก จากบริษัทการตลาดกีฬาในอาร์เจนตินา, อารอน เดวิดสัน ประธานบริษัททราฟฟิก สปอร์ต อเมริกา, ฮูโก และมาเรียโน ฮินกิส บริษัทการตลาดกีฬาในอาร์เจนตินา และโฮเซ มาร์กูลิเอส จากบริษัทที่ทำธุรกิจถ่ายทอดสด



+++ผู้พิพากษานูร์ โมฮัมหมัด แห่งศาลปากีสถาน ออกหมายจับนายโชเอบ ชีค ประธานบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ของประเทศ แอ็กแซกต์ พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัทอีก 6 คน ในข้อหาฉ้อโกง ฟอกเงิน และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  หนังสือพิมพ์เดอะ นิวเยอร์ก ไทม์ส ของสหรัฐฯ รายงานว่า แอ็กแซกต์ทำหน้าที่เป็นเครือข่ายให้แก่เว็บไซต์จำหน่ายปริญญาและวุฒิบัตรปลอมของมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยมชื่อดังทั่วโลก สามารถทำเงินได้หลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี แอ็กแซกต์ปฏิเสธข้อกล่าวหา และขู่จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับไทม์ส แต่การตรวจค้นขณะบุกจับกุมที่สำนักงานของบริษัทในเมืองการาจีเมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่พบวุฒิบัตรและปริญญาปลอมนับแสนชิ้น รวมถึงปริญญาบัตรของสถาบันที่ไม่มีอยู่จริงด้วย โดยศาลมีคำสั่งควบคุมตัว 7 วันเพื่อทำการสอบสวน และเขาจะมีนัดขึ้นศาลในวันที่ 7 มิ.ย. นี้ การจับกุมครั้งนี้ทำให้ชีคและบริษัทแอ็กแซกต์ล่มสลาย โดยก่อนหน้านี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวสถานีโทรทัศน์ในเครือ ซึ่งนายชีคกล่าวว่า การดำเนินคดีครั้งนี้เป็นแผนสมคบคิดเพื่อทำลายเขา



+++บีบีซี รายงานอ้างเจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียว่า คลื่นความร้อนยังคงแผ่ปกคลุมทั่วอินเดียโดยต่อเนื่อง มีคนเสียชีวิตแล้วกว่า 1,154 ศพในช่วง 1 สัปดาห์ แม้ว่าอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อยในรัฐเตลังกานา และรัฐอานธรประเทศ แต่ยังคงมีอุณหภูมิสูงกว่า 45 องศาเซลเซียส แต่มีหมอกปกคลุมเหนือพื้นที่บางแห่งของ 2 รัฐ คาดว่าฝนที่มาก่อนฤดูมรสุมจะช่วยบรรเทาอากาศร้อนในอีก 2-3 วันข้างหน้า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานอายุ 50 ปีขึ้นที่ทำงานอยู่กลางแดด กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดียคาดว่าฤดูมรสุมจะเริ่มที่รัฐเกรละ ทางภาคใต้ของประเทศในช่วงปลายเดือนนี้ ก่อนจะแผ่ปกคลุมไปทั่วประเทศ



+++ฝนตกหนักในสหรัฐฯ ถล่มพื้นที่บางส่วนของรัฐเท็กซัสอีกระลอก ซ้ำเติมสถานการณ์อุทกภัยให้เลวร้ายลงอีก หลังน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ต่างๆตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ ในนั้นรวมถึงที่เมืองฮิวส์ตัน มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 13 ศพ และส่งผลกระทบต่อการเดินทางทางอากาศที่ต้องยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยว สะพานหลายแห่งพังเสียหายและมีผู้ขับขี่ติดค้างอยู่บนท้องถนนมากกว่า 2,000 คน อย่างไรก็ตามคาดหมายว่ายอดผู้เสียชีวิตในเท็กซัสน่าจะสูงกว่านี้ เนื่องจากยังมีอีกจำนวนมากที่ยังสูญหาย ขณะพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งในฮิวสตันและออสติน ยังถูกพายุฝนฟ้าคะนองเล่นงานซ้ำอีก



+++กลุ่มผู้ประท้วงชาวเมียนมาร์ ราว 400 คน ในจำนวนนั้นมีพระสงฆ์รวมอยู่ด้วย 40 รูป รวมตัวกันเดินขบวนต่อต้านกลุ่มโรฮิงญาไปตามจุดต่างๆ ในเมืองย่างกุ้ง เพื่อเรียกร้องต่อสหประชาชาติและประชาคมโลก ให้หยุดกล่าวหาเมียนมาร์ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาเรือมนุษย์ นางแซนดี ธิน มาร์ โอ โฆษกของกลุ่มผู้ประท้วง กล่าวว่า ผู้อพยพเหล่านั้นไม่ใช่ชาวเมียนมาร์ และปลุกระดมผู้ชุมนุมต่อว่า นานาชาติไม่ควรกล่าวโทษเมียนมาร์แต่เพียงฝ่ายเดียว และอย่ารังแกเมียนมาร์



+++ข้อมูลจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) และ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) ระบุว่า ยังมีชาวโรอิงญาอีกราว 2,600 คน ที่ยังรอคอยความช่วยเหลืออยู่กลางทะเล



+++ขณะที่ทางการมาเลเซียแถลงการจับกุมตำรวจ 12 นาย ที่เชื่อว่ามีส่วนพัวพันกับขบวนการลักลอบค้ามนุษย์และค่ายที่พักพิงชาวโรฮิงญา 28 แห่ง ขณะที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซีย ผ่านญัตติอภิปรายกรณีพบหลุมศพหมู่และค่ายผู้อพยพของเครือข่ายค้ามนุษย์ในรัฐปะลิส ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนเพราะกังวลต่อชะตากรรมของผู้อพยพหลายร้อยคนและความมั่นคงตามแนวชายแดนมาเลเซีย



 +++รัฐบาลบังคลาเทศมีแผนโยกย้ายชาวโรอิงญาหลายพันคน ที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยติดชายแดนเมียนมาร์ ไปอยู่ที่เกาะฮาติยา นอกชายฝั่งทางภาคใต้ ในอ่างเบงกอล แผนนี้ได้รับการสนับสนุนจาก นางชีค ฮาสินา นายกรัฐมนตรีหญิงของบังคลาเทศ และคณะทำงานของรัฐบาลได้เริ่มวางแผนการ สำหรับการโยกย้ายที่จะมีขึ้นอย่างแน่นอนแล้ว



+++ขณะที่นายโมฮัมหมัด อิสลาม หัวหน้าชาวโรฮิงญาในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่ง ได้เรียกร้องให้รัฐบาลบังคลาเทศทบทวนการตัดสินใจ โดยระบุว่า การโยกย้ายค่ายจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เพราะส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ในค่ายเดิมมาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่เดินทางออกจากเมียนมาร์ ต้องการให้รัฐบาลบังคลาเทศ และองค์การระหว่างประเทศ แก้ไขปัญหาของพวกเราจากที่นี่



+++น.ส.ออนชิตา ชาดมาน โฆษกยูเอ็นเอชซีอาร์ กล่าวว่า ความสำเร็จของแผนการของทางการบังคลาเทศ สถานที่อยู่ใหม่มีอะไรให้ และผู้ลี้ภัยเต็มใจโยกย้ายไปอยู่ที่นั่นหรือไม่ การบีบบังคับให้ย้ายจะทำให้ปัญหาซับซ้อนมาก



+++ทหารฟิลิปปินส์และเวียดนามเล่นฟุตบอลร่วมกันและร้องคาราโอเกะกันบนเกาะแห่งหนึ่งทะเลจีนใต้ ที่เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนข้อพิพาท ซึ่งเป็นสัญญาณว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความแนบแน่น นายทหารเรืออาวุโสของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า การแข่งขันฟุตบอลและวอลเลย์บอลจัดขึ้นบนเกาะนอร์ธอีสต์ เคย์ ที่ฟิลิปปินส์ยึดครองอยู่ ก่อนหน้านี้ เรือของกองทัพเรือเวียดนาม นำทหารเรือเวียดนามราว 60 นายไปยังเกาะดังกล่าว ซึ่งมีทหารฟิลิปปินส์ประจำการอยู่ประมาณ 100 คน นายทหารเรืออาวุโสของฟิลิปปินส์กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายสนุกกันมาก กิจกรรมเหล่านี้ช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีต่อทหารที่ประจำการอยู่บนเกาะและยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพเรือของ 2 ประเทศ



+++ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย ไต้หวัน บรูไน และจีน ต่างอ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ความร่วมมือระหว่างฟิลิปปินส์และเวียดนามเฟื่องฟูนับตั้งแต่ทั้งสองประเทศละวางความขัดแย้งเรื่องการอ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ เพื่อร่วมกันรับมือกับจีน ซึ่งถมทะเลสร้างพื้นที่เพิ่มในแนวหินประการังของหมู่เกาะที่เป็นข้อขัดแย้ง



+++จีน สกัดแผนการก่อการร้ายในปีนี้ได้ถึง181 ครั้งนับตั้งแต่เริ่มปราบปรามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศหลังกลุ่มดังกล่าวก่อเหตุรุนแรงหลายครั้ง ไม่เว้นกระทั่งการโจมตีกรุงปักกิ่ง ถือเป็นความสำเร็จของจีน  นอกจากนี้ทางการจีนยังพุ่งเป้าไปที่การจำหน่ายวิดีโอและเทปบันทึกเสียงที่ปลุกปั่นและส่งเสริมการใช้ความรุนแรงพร้อมกับเข้มงวดการข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศเอเชียกลางทั้งอย่างถูกต้องและผิดกฎหมาย

+++นายโทนี แอบบอตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวว่า ภรรยาและลูก 5 คน ของชาวออสเตรเลียที่เชื่อว่าปรากฏตัวในภาพถ่ายที่ถือศีรษะที่ถูกตัดของทหารซีเรียหลายคน จะต้องถูกพิจารณาความผิดอย่างเด็ดขาดตามกฏหมายของออสเตรเลีย หากพวกเขาพยายามจะเดินทางกลับมายังออสเตรเลีย นายแอบบอตต์ กล่าวว่า ครอบครัวของนายคาลิด ชาร์รูฟ ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นนักรบของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส จะต้องเผชิญชะตากรรมในความผิดเช่นเดียวกัน เขากล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็จะต้องโดนลงโทษอย่างเด็ดขาดเหมือนกันหมด และลูกของอาชญากรก็จะถูกปฏิบัติในลักษณะเดียวกัน



+++เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอิรักกล่าวว่า มีทหารอิรักเสียชีวิต 17 ศพ หลังกลุ่มไอเอส ส่งมือระเบิดฆ่าตัวตายไปก่อเหตุโจมตี 3 แห่งในจังหวัดอันบาร์ โดยเฉพาะที่ด้านนอกเมืองฟัลลุจา ที่อยู่ในความควบคุมของกลุ่มไอเอส เหตุโจมตีครั้งนี้มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังกองกำลังรัฐบาลอิรัก พร้อมด้วยอาสาสมัครนักรบมุสลิมชีอะห์และสุหนี่เริ่มปฏิบัติการเพื่อขับไล่กลุ่มไอเอสออกจากจังหวัดอันบาร์



+++ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเยอรมนีขยับขึ้นสูงที่สุดในรอบ 13 ปีครึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจในทางบวกและอัตราเงินเฟ้อต่ำทำให้ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น บริษัทวิจัยตลาดจีเอฟเค ระบุในแถลงการณ์ว่า กระแสความต้องการภายในประเทศที่แข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเป็นส่วนช่วยผลักดันการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจและความตั้งใจของผู้บริโภคที่จะใช้จ่าย คาดหมายความเชื่อมั่นในเดือนถัดไปว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 10.2 จุด ในเดือนมิถุนายน จาก 10.1 จุดในเดือนพฤษภาคมซึ่งถือเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2544 บรรยากาศของผู้บริโภคในเยอรมนียังคงอยู่ในระดับปานกลางและมีแนวโน้มดีขึ้น จีเอฟเคกล่าวว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเป็นจักรกลสำคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ แต่ไม่ควรจะมองข้ามความเสี่ยงที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง นั่นคือการเจรจาเรื่องอนาคตของกรีซในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร วิกฤติการณ์ในยูเครน และกลุ่มติดอาวุธไอเอส ซึ่งสามารถทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคในเยอรมนีไม่สดใส



 



 

ข่าวทั้งหมด

X