สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ไทเป ได้รับรายงานจากตำรวจไต้หวันว่า น.ส.สุดธิดา แสนแสง อายุ 32 ปี ชาว ต.ตาดทอง อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากการถูกทำร้าย โดยเสียชีวิตบนภูเขา ในพื้นที่เมืองจี่หลง ในไต้หวัน เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม จากการลงพื้นที่พบ นางดวงพร อายุ 59 ปี ป้า น.ส.สุดธิดา เล่าว่า ตนเป็นคนเลี้ยงผู้ตายมาตั้งแต่เด็ก เพราะแม่ผู้ตายจะไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ ผู้ตายแยกทางกับสามี มีลูก 2 คน เป็นผู้ชายทั้งคู่ อายุ 14 ปี และ 4 ปี
นางดวงพรกล่าวว่าผู้ตายได้ย้ายงานใหม่ไปสมัครทำงานแม่บ้านได้ 3 วันก็โทรกลับมาเล่าให้ฟังว่านายจ้างใช้งานหนัก ไม่ยอมให้พักผ่อน โดยนางจ้างเป็นชาวไต้หวัน แต่มีภรรยาเป็นชาวไทย จ.ลำปาง ทำงานหนักมาก แต่จะอดทน ถ้าได้เงินเก็บสักก้อนมาทำบ้านใหม่ โดยจะสะสมทองไว้ 4-5 บาท
ขณะที่ คืนเกิดเหตุผู้ตายโทรมาเล่าว่านายจ้างผู้หญิงใช้ซักกางเกงใน ด้วยความโมโหประกอบกับไม่ยอมให้กินข้าว ผู้ตายเลยเตะถังน้ำใส่นายจ้าง และช่วง 19.00 น.คืนเดียวกันผู้ตายเล่าว่านายจ้างชวนขึ้นไปเก็บผักบนภูเขา และเดินทางไป 20.00 น. พอตื่นเช้าแฟนหนุ่มชาวนครพนมที่พบรักกันอยู่ไต้หวันโทรมาบอกว่า น.ส.สุดธิดาถูกฆ่าตายบนภูเขา และติดต่อกับผู้ตายตลอด ทำให้รู้พิกัดและเป็นผู้แจ้งตำรวจ
ด้านตำรวจลงพื้นที่ นอกจากนี้ ในที่เกิดเหตุพบหลักฐานเป็นมีด 1 เล่ม ถูกทิ้งไว้ ใกล้กันยังพบรองเท้าแตะและก้นบุหรี่ในที่เกิดเหตุ และก้นบุหรี่ชนิดเดียวกันในห้องน้ำสาธารณะห่างจากป้อม 300 เมตร และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบภาพหลักฐานผู้เสียชีวิตถูกพาขึ้นภูเขาต้าอูหลุนมาด้วยมอเตอร์ไซค์ ทำให้เจ้าหน้าที่ระบุตัวผู้ต้องสงสัยหลักได้ว่าคือ นายจ้างหญิง แซ่หลิน
ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้น นายจ้างหญิงได้ให้การมีพิรุธตอนอธิบายว่าทำอะไรอยู่ที่ไหนในช่วงเวลาวันเกิดเหตุ ตำรวจจึงยื่นคำร้องต่อศาลขอควบคุมตัวชั่วคราวเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากนายจ้างมีพฤติการณ์ปกปิดหลักฐานและมีโอกาสหลบหนีหากได้รับการประกันตัว
ด้านรายงานจาก ETtoday สื่อของไต้หวัน อ้างว่าผู้ตายกับผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุเป็นพี่น้องกัน ส่วนแรงจูงใจก่อเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด และไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นปัญหาความสัมพันธ์หรือข้อพิพาทเรื่องหนี้
#สาวไทยที่ไต้หวัน