หลังนำสื่อโชว์กินข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวซึ่งมีอายุ 10 ปีเมื่อวานนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การลงพื้นที่หวังพยายามทำให้เรื่องราวต่างๆ ของประเทศจบลงด้วยดี และสามารถนำเงินกลับเข้าประเทศได้ อย่างน้อยถ้าประมูลได้ราคามาตรฐาน 17-18 บาท ก็จะมีรายได้เข้ามาถึง 200-400 ล้านบาท
ส่วนจะส่งผลต่อการรื้อฟื้นคดีโครงการจำนำข้าวมาพิจารณาใหม่หรือไม่นั้น นายภูมิธรรม บอกว่าเรื่องนั้นไม่ใช่เป้าหมายของตน เพราะมีหน้าที่ขนข้าวในคลังออกไปขาย ดีกว่าปล่อยให้เน่าเสียประมาณกว่า 150,000 กระสอบ ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ ก็ถึงขั้นขายไม่ได้ ครั้งแรงก็ไม่มั่นใจจนได้ไปดูและลองหุงมาชิมก็รู้สึกว่าอร่อยไม่มีปัญหาอะไร พร้อมย้ำว่าอยากให้เรื่องนี้ปิดตำนานไปเสีย ส่วนในทางคดีจะเป็นอย่างไรไม่ใช่ภารกิจของตน ใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็ว่ากันไป ส่วนโรงเก็บข้าวเมื่อเคลียร์เรียบร้อยก็จะได้เงินประกันคืน ซึ่งเขาก็ควรจะรับสิทธินั้นอย่างสมเหตุสมผล
สำหรับผู้ส่งออกรายใหญ่ 2 ราย คือนครหลวง และธนสรร รวมถึงผู้ส่งออกข้าวหลายรายในจังหวัดสุรินทร์ก็ได้มาร่วมตรวจสอบด้วย ส่วนตัวยังมองว่าหากนำข้าวไปปรับปรุงอีกหน่อย ก็จะสามารถขายให้ตลาดข้าวเก่าในทวีปแอฟริกาได้
รวมทั้งไม่ได้ไปบังคับใคร ใครทานได้ก็ทาน ใครไม่อยากทานก็ไม่ต้องทาน ใครซื้อก็ซื้อ ซื้อไม่ได้ก็ไม่ต้องซื้อ ตนไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมมากกว่าสิ่งที่ควรทำ เพราะดูแล้วเม็ดข้าวก็สวยงาม สีของข้าวมีปัญหาจริง ฝุ่นมีปัญหาจริงก็ต้องไปซาวข้าว ซึ่งเอาจริงก็ไม่เกิน 15 ครั้ง เป็นเรื่องปกติของการหุงข้าวมากิน อย่าไปทำให้มันเกิดความน่ากลัว ใครสงสัยผมก็บอกแล้วให้ไปดูด้วยกัน
ด้านนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี หรือ ไบโอไทย ระบุว่า มีคำถามพอสมควรกับการรับประทานข้าวโชว์ครั้งนี้แม้ รมว.พาณิชย์ จะบอกว่า ข้าวที่เก็บไว้ในสต็อกยังนำมาหุงกินได้ แต่ต้องยอมรับว่า โครงการรับจำนำข้าวเก็บมา 10 ปีแล้ว ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ต้องมีการเสื่อมสภาพ ทั้งจากสภาพอากาศ และสารรมควันข้าว ที่นำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นสารเมทิลโบรไมด์ (methyl bromide) และ อลูมิเนียมฟอสไฟด์ (aluminium phosphide) หรือ ฟอสฟีน ที่ตกค้างอยู่ในเมล็ดข้าวสาร” การเก็บรักษาข้าวสารปฏิเสธไม่ได้จำเป็นต้องใช้สารรมควัน เพื่อป้องกัน มอด แมลง หรือเชื้อรา หรือสารก่อมะเร็งที่เรียกว่า “อะฟลาท็อกซิน”
โดยสารประเภทนี้จะตรวจพบได้ในตระกูลข้าวกล้อง ที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง แต่สำหรับข้าวสาร หากเก็บรักษาในสภาพอากาศที่แห้ง และไม่อับชื้นจะมีสารอะฟลาท็อกซินน้อยกว่า แต่สำหรับข้าวในโครงการรับจำนำข้าว 10 ปี ถือว่า ก็มีความเสี่ยงสูง แม้ว่าจะเป็นข้าวสารก็ตาม เคยมีผลวิจัยพบว่า สารเมทิลโบรไมด์ ยังตกค้างอยู่ในเนื้อข้าวสาร ต่อให้ล้างหลายครั้งๆ ก็ไม่ออกจากเมล็ดข้าว เราเคยศึกษาวิจัยเรื่องนี้ และนักวิชาการของกรมวิชาการเกษตรก็ยอมรับ และไม่ได้ปฏิเสธและวิเคราะห์ว่า เหตุที่รัฐบาลต้องมาหุงข้าวและกินข้าวในโครงการรับจำนำข้าวโชว์ในครั้งนี้ อาจต้องการเบี่ยงเบนประเด็น หรือเรียกซีน เพื่อให้คนหรือสังคมออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า ข้าวในโครงการฯ ที่ยังเก็บอยู่ในสต็อกฯ หากค่อยๆ ทำไป แล้วขายเพื่อเคลียร์ปัญหาให้จบ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรื่องนี้ เพราะลำพังการกินข้าวโชว์เฉยๆ นั้น ไม่ได้เป็นคุณกับรัฐบาลเลย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่รัฐบาล ควรอธิบายกับประชาชนให้เข้าใจมากกว่าการบอกว่า ข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวฯยังสามารถนำมาบริโภคได้ คือ ยังมีข้าวเหลืออีกเท่าไหร่ และมีคุณภาพที่จะนำไปใช้ประโยชน์ เช่น ข้าวนึ่ง ปุ๋ย อาหารสัตว์ บริษัทที่ไหนที่จะเข้าร่วมประมูล เพื่อจะได้เรียกร้องความรับผิดชอบในการนำข้าวเก่า 10 ปีมาจำหน่าย หากเกิดเหตุอะไรในอนาคต เพราะการเก็บรักษาข้าวเท่าที่เห็นไม่ใช่การเก็บแบบซีล แต่เป็นการเก็บในสต็อก ไม่ใช่เก็บไว้เพื่อการบริโภค
ภาพที่ออกมาส่งผลกระทบต่ออะไรหรือไม่ ก็ส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อคนในสังคม สภาพข้าวที่เก็บที่อยู่ในกระสอบ 10 ปี แล้วเก็บในโกดังมีผลต่อสภาพและคุณภาพข้าวแน่ๆ โดยเฉพาะปัญหา อย่างน้อย 3 เรื่องที่กล่าว คือ การใช้สารรมควัน , ความเสื่อมคุณภาพ ที่จะมีผลต่อสุขภาพของผู้บริโภค ที่กินข้าวเสื่อมคุณภาพจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะคุณค่าทางสารอาหารที่ลดลง เพราะสารหลายตัวใช้ไปมันสะสม ล้าง 20 ครั้งก็ไม่ออก ไม่ใช่นำข้าวไปหุงแล้วจะสลายไป เพราะอีกครึ่งหนึ่งยังอยู่ในข้าว แม้ว่าจะมีการนำข้าวไปผสมหุงกับข้าวใหม่ก็ตาม”
ผู้อำนวยการไบโอไทย ทิ้งท้ายว่า หากรัฐบาลต้องการระบายข้าวโดยนำข้าวเก็บ 10 ปี มาขัดเพื่อแปรสภาพ แล้วนำไปจำหน่ายที่ประเทศอื่นๆ ตลาดอื่นๆ ภายนอก ก็อาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นในประเทศ หรือไม่เช่นนั้นจะมีผลกระทบระยะยาวตามมา จึงอยากขอให้รัฐบาลชี้แจงต่อประชาชนในทุกประเด็นที่มีการตั้งคำถาม และตอบทุกข้อสงสัยให้ได้
#จำนำข้าว
#กินข้าว10ปีได้