พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พร้อมด้วย พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก แถลงความพร้อมจัดตั้งศูนย์อำนวยการลาดตระเวนและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ ในมหาสมุทรอินเดีย หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งการให้กองทัพไทยเตรียมยุทโธปกรณ์ และจัดเรือหลวงไปเป็นศูนย์บัญชาการกลางทะเลเพื่อช่วยเหลือชาวโรฮิงญา ขณะนี้ ศูนย์นี้ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว โดยจะใช้เวลาปฏิบัติภารกิจเบื้องต้น 2 สัปดาห์ พร้อมทั้งพิจารณาขยายเวลาช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อเนื่องตามความเหมาะสมจนเสร็จสิ้นภารกิจ โดยการทำงานของศูนย์นี้ใช้โครงสร้างคณะผู้บัญชาการทางทหาร และรองรับความร่วมมือจากมิตรประเทศที่จะเข้าร่วมช่วยเหลือชาวโรฮิงญา รวมทั้งสหรัฐอเมริกา
ด้าน พล.ร.อ.ไกรสร ได้สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 3 จัดหมู่เรือช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมชาวโรฮิงญาในพื้นที่ทะเลอันดามัน บริเวณหมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งจะอยู่ในน่านน้ำไทยและไม่ออกไปในทะเลหลวง โดยจัดเรือหลวงอ่างทอง พร้อมเรือในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 3 และเฮลิคอปเตอร์ พร้อมเตรียมชุดแพทย์และเวชภัณฑ์ช่วยในการรักษา น้ำ และอาหารเป็นต้น ทั้งนี้ การจัดวางกำลังที่เขตพื้นที่ใดนั้นตอนนี้อยู่ระหว่างหาพื้นที่ที่เหมาะสม ก่อนที่จะส่งไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซียต่อไป ส่วนพล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เสนาธิการทหารอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศเตรียมอากาศยานจากกองบิน 7 สุราษฎร์ธานี ทั้งเครื่องบินขับไล่กริพเพน และซาป 340 เออีดับเบิ้ลยู เพื่อใช้ในภารกิจลาดตระเวนทางอากาศ ส่วน พล.อ.สุจินต์ เอี่ยมปี ผอ.ศูนย์ประสานการปฎิบัติที่ 2 กอ.รมน.กล่าวว่า ยอดชาวโรฮิงญาที่อยู่ในความดูแลของไทยในขณะนี้ จำนวน 779 คน ค่าอาหาร 75บาท/คน/วัน