ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น หลังจากที่อิหร่าน ประกาศว่าจะตอบโต้อิสราเอล เนื่องจาก อิสราเอลโจมตีทางอากาศไปที่สถานกงสุลอิหร่านประจำกรุงดามัสกัส ซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เม.ย.67 ทำให้ทหารจากกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านเสียชีวิต 7 นาย และมีชาวซีเรียเสียชีวิต 6 ราย ทำให้ภูมิภาคนี้และสหรัฐฯ เฝ้าระวังการโจมตีของอิหร่านมาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.67
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกคำแนะนำเตือนประชาชนงดการเดินทางไปตะวันออกกลาง โดยเฉพาะไปที่อิสราเอล เลบานอน และดินแดนปาเลสไตน์ นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลิน เรียกร้องให้อิหร่านและอิสราเอลใช้ความอดกลั้นท่ามกลางความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้น
รัสเซีย พยายามรักษาความสัมพันธ์กับมหาอำนาจสำคัญๆ ทั้งหมดในตะวันออกกลาง แต่ความขัดแย้งในฉนวนกาซาได้บั่นทอนความสัมพันธ์ของรัสเซียกับอิสราเอล และได้กระชับความสัมพันธ์ทางทหารและการเมืองกับอิหร่านจากการต่อสู้กับยูเครน
ด้านนางอันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจสูงสุดและหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์บานปลายมากกว่านี้ กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ระบุในแพลตฟอร์ม X เรียกร้องให้ผู้มีส่วนร่วมทุกคนในภูมิภาคดำเนินการอย่างมีความรับผิดชอบ
ขณะที่ สายการบินลุฟท์ฮันซาของเยอรมนี ขยายเวลาระงับเที่ยวบินทั้งไป-กลับกรุงเตหะราน จากเดิมถึงวันที่ 11 เม.ย.67 เป็นวันที่ 13 เม.ย.67
ส่วนออสเตรียน แอร์ไลน์ ซึ่งมีลุฟท์ฮันซาเป็นเจ้าของ และบินจากกรุงเวียนนาไปที่กรุงเตหะราน 6 ครั้งต่อสัปดาห์ ระบุว่า กำลังปรับเวลาการบิน เพื่อหลีกเลี่ยงการแวะพักค้างคืน
สายการบินเอมิเรตส์, กาตาร์แอร์เวย์, เตอร์กิชแอร์ไลน์, แอโรฟลอต และแอร์อาราเบีย รวมถึงสายการบินต่างๆ ที่บินไปกรุงเตหะราน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
#อิหร่าน
#ตะวันออกกลางตึงเครียด
แฟ้มภาพ