อดีตปธน.ไต้หวัน พบผู้นำจีน ในกรุงปักกิ่ง หวังรื้อฟื้นความสัมพันธ์ ก่อนเปลี่ยนผู้นำไต้หวัน

         นายอีริค ชู ประธานพรรคก๊กมินตั๋ง พรรคฝ่ายค้านของอดีตประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่วของไต้หวัน เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เตรียมประชุมกับนายหม่า นักการเมืองของไต้หวันที่มีนโยบายสนับสนุนการสร้างสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับประเทศจีน โดยการประชุมจะมีขึ้นในมหาศาลาประชาคม ในกรุงปักกิ่งช่วงบ่ายวันนี้ พร้อมหวังว่า การประชุมระหว่างนายสีกับนายหม่าจะฟื้นสัมพันธ์จีน-ไต้หวัน ตามที่ผู้นำทั้งสองพูดคุยระหว่างการประชุมซัมมิทครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ในสิงคโปร์ในปี 2558 หรือเมื่อ 9 ปีก่อน อีกทั้งจะปูพื้นฐานไปสู่การปรับสัมพันธ์ที่ดีขึ้น รวมถึงแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยือนระหว่างประชาชนจีนกับไต้หวันในอนาคต

         สำหรับนายหม่า ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของไต้หวันระหว่าง 2551-2559 และในระยะนี้ นายหม่า อยู่ระหว่างการนำคณะเยาวชนกลุ่มหนึ่งของไต้หวันมาทัศนศึกษาทั่วประเทศจีน รวม 11 วัน

         ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนระบุว่า การประชุมเช่นนี้ นับเป็นการประชุมที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก อีกทั้งมีขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนนายไล่ ชิงเต๋อ จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรครัฐบาล จะเข้าทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ผู้นำคนปัจจุบัน ซึ่งจะพ้นวาระในวันที่ 20 พ.ค.นี้ หลังชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ทำให้พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ซึ่งนโยบายสนับสนุนเอกราช เข้ามาบริหารไต้หวันเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน

         นางอมันดา เชียว (Amanda Hsiao) นักวิเคราะห์จากองค์กรอินเตอร์เนชันแนล ไครซิส กรุ๊ป(International Crisis Group) องค์กรศึกษาวิจัยระหว่างประเทศ เชื่อว่า จีนใช้กลยุทธ์กดดันให้รัฐบาลชุดใหม่ของนายไล่ ซึ่งจะเข้ามาบริหารประเทศในเดือนหน้า ให้ปรับจุดยืนทางการเมืองเกี่ยวกับประเทศจีนใหม่ และการเยือนของนายหม่าในครั้งนี้ย้ำให้เห็นจุดยืนของจีนว่า การพูดคุยกันระหว่างจีนกับไต้หวัน สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้ารัฐบาลไต้หวันยอมรับแนวคิดที่ว่า ทั้งจีนแผ่นดินใหญ่และจีนไต้หวันคือ จีนเดียว(One China)

         ในปัจจุบัน เรื่องการรวมชาติกับจีนเป็นประเด็นที่ประชาชนในไต้หวันยังมีความเห็นไม่ลงรอยกัน ขณะที่ประธานาธิบดีสีเคยประกาศจะรวมไต้หวันเข้ากับจีนในอนาคต แม้ต้องใช้กำลังทหารเข้าจัดการ ยิ่งทำให้สาธารณชนในไต้หวันต้องการเอกราชมากขึ้น เห็นได้จากผลการเลือกตั้งในเดือนมกราคม

#สัมพันธ์จีนไต้หวัน