เปิดเงื่อนไขแจกเงินดิจิทัล รัฐบาลไม่กู้เงินแจก ใช้เงินงบประมาณ-ธ.ก.ส.เริ่มใช้ไตรมาส 4

       นโยบายแจกเงินหมื่นดิจิทัล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง พร้อมด้วย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง  นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง แถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต นายเศรษฐา กล่าวว่า นโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล นโยบายยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ และประชาชน ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว รัฐบาลได้ใช้ความพยายามสูงสุดฝ่าฟันข้อจำกัด รัฐบาลได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ส่งมอบนโยบายพลิกชีวิตประชาชนได้ และที่สำคัญเป็นไปตามตัวบทกฎหมายทุกประการ อยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด โดยประชาชน ร้านค้า จะลงทะเบียนได้ในไตรมาส 3/2567 และเงินส่งตรงถึงประชาชนในไตรมาส 4/2567กับรายละเอียดของโครงการ

          ด้านนายลวรณ  ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โปร่งใสตรวจสอบได้ วงเงิน 5 แสนล้านบาทบริหารจัดการผ่านงบประมาณได้ทั้งหมด ใช้งบประมาณประจำปีงบประมาณ 2567 และ งบประมาณประจำปีงบประมาณ 2568 แบ่งเป็น 3 ส่วน งบประมาณปี 2568 และงบประมาณปี 2567 และเงินตามมาตรา 28 ของกรอบวินัยการเงิน จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ  ธ.ก.ส. โดยแหล่งเงินมาตามกฏหมายที่เกี่ยวข้อง วันที่เริ่มโครงการมีเงิน 5 แสนล้านบาททั้งก้อน ไม่ใช่ใช้เงินอื่น

          นายจุลพันธ์  กล่าวว่า แนวทางและเงื่อนไข คือ

1.เป้าหมายประชาชน 50 ล้านคน ตั้งแต่อายุ 16 ปี มีเงินได้ไม่เกิน 8.4 แสนบาทต่อปีภาษี มีเงินฝากไม่เกิน 5 แสนบาท เป็นเกณฑ์เดิม

2.เงื่อนไขการใช้จ่ายประชาชนกับร้านค้า ในพื้นที่อำเภอ ร้านค้าขนาดเล็กที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเท่านั้น

3. ไม่กำหนดพื้นที่ร้านค้า ไม่กำหนดขนาดของร้านค้า การใช้จ่ายได้หลายรอบ การเปลี่ยนแปลงรอบที่ 1 เป็นของประชาชนกับร้านค้า สินค้าทุกประเภท ไม่รวมสินค้าอบายมุข สินค้าออนไลน์ น้ำมัน

4.ใช้ระบบพัฒนาขึ้นเองโดยสำนักงานพัฒนาดิจิทัล ร่วมดีอี ทำซูเปอร์แอปพลิเคชันใช้จ่ายได้กับธนาคารอื่น

5.คุณสมบัติร้านค้าที่ถอนเงิน ต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม นิติบุคคล และบุคคลธรรมดา เฉพาะผู้มีรายได้พึงประเมิน เป็นผู้ประกอบอาชีพค้าขาย การถอนเงินสด ถอนทันทีไม่ได้ ต้องถอนหลังจากใช้จ่ายรอบที่ 2 เป็นต้นไป ลดความเสี่ยงทุจริต กระตุ้นเศรษฐกิจ

6.ประชาชนร่วมโครงการไตรมาส 3 ปี 2567 ใช้จ่าย ไตรมาส 4 ปี 2567

7.ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดหลักเกณฑ์ มีรองผบช.น. เป็นประธาน ผบช.ไซเบอร์ เป็นรอง

          สำหรับมาตรการที่ออกในวันนี้ ซึ่งผิดกับมาตรการที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น จากกำหนดระยะเวลาเดินหน้าโครงการ ที่ล่าช้าออกไป จากเดิมคาดว่าจะออกต้นปีนี้ แต่ก็เลยไปถึงปลายปี ย้ำว่ามีการตั้งคณะกรรมการดูรายละเอียดเพื่อให้เป็นโครงการที่โปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต ผลประโยชน์ทุกบาททุกสตางค์ตกอยู่กับประชาชน

#แจกเงินหมื่น

#ไม่กู้เงิน