ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับหลายหน่วงาน เปิดปฏิบัติการ ตัดขาแก๊งคอลจีนเทา สะพายเป้ใส่เครื่องเกี่ยวสัญญาณตระเวณส่ง sms หลอกเหยื่อ ย่านสยาม จับผู้ต้องหาชายได้สองคน สัญชาติฮ่องกง พร้อมด้วยของกลางเครื่องจำลองสถานี (False Base Station) แบบพกพา หรือเครื่องสตริงเลย์ หรือปลากระเบน จำนวน 1 ตัว ,โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง จับได้ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านปทุมวัน กรุงเทพฯ
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช. สอท.) กล่าวว่า ตำรวจได้รับการประสานงานทางผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเครือข่ายเอไอเอส ว่ามีคนร้ายส่งข้อความไปยังผู้ใช้บริการเครือข่าย ระบุว่า แจ้งบัญชีคะแนนกำลังจะหมดอายุ จากนั้นให้เข้าไปกดแลกสินค้า หรือแลกของสมนาคุณ และหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัว บัตรเครดิต ซึ่งหากเหยื่อหลงเชื่อก็จะกดลิงค์เข้าไปที่หน้าเว็บที่คนร้ายสร้างขึ้นมาและกรอกข้อมูลเข้าไป คนร้ายก็จะดูดเงินออกไปจนเกลี้ยงบัญชี นอกจากนี้ยังพบข้อความในลักษณะต่างๆสร้างความเดือดร้อนอย่างมาก
หลังรับแจ้ง ชุดสืบสวนตรวจสอบและถอดแผนพฤติกรรม พบว่า คนร้ายได้มีการใช้เครื่องสตริงเลย์ ในการส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แล้วส่งข้อความแนบลิงก์ปลอม ต่อมาตรวจพบความเคลื่อนไหวได้ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านปทุมวัน จึงนำกำลังไปตรวจสอบเมื่อไปถึงก็พบผู้ต้องหาทั้งสองคนในลักษณะต้องสงสัยมีการสะพายกระเป๋าเดินวนไปมา ชุดสืบสวนจึงแสดงตัวขอตรวจสอบ พบเครื่องสตริงเลย์ จำนวน 1 เครื่อง ผลิตจากประเทศมาเลเชีย ก่อนนำตัวไปตรวจค้นที่ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางรัก กรุงเทพฯ พบแบตเตอรี่สำรอง 1 เครื่อง จึงตรวจยึดไว้
การจับครั้งนี้ พบว่า คนร้ายมีการพัฒนาแผนประทุษกรรม โดยนำเครื่องสตริงเลย์เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือแทนคอมพิวเตอร์ตระเวนไปตามเป้าหมายหลัก เช่น ย่านชุมชน ตลาด หรือ ห้างสรรพสินค้า เพราะกลุ่มคนที่จับจ่ายซื้อของ มักจะใช้บริการอินเทอร์เน็ต แบงก์กิ้ง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและยากต่อการติดตาม โดยสามารถส่งข้อความได้ 20,000 - 30,000 เลขหมายในระยะ 1 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะทำการส่งของกลางให้กับกองบังคับการการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่อไป
การตรวจสอบอุปกรณ์ดังกล่าวนี้ พบว่า เป็นการจำลองสถานีส่งสัญญาณคลื่นความถี่เดียวกับเครือข่ายเอไอเอส โดยทำหน้าที่ในการส่งข้อความ(SMS) ให้กับผู้คนที่อยู่ใกล้เครื่องดังกล่าวในรัศมีส่งไม่เกิน 1 กม. โดยมีการเชื่อมต่อไวไฟกับโทรศัพท์มือถือของกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อส่งข้อความหลอกลวงว่าเป็นหน่วยงานต่างๆ
จากการซักถามข้อมูลทราบว่าผู้ต้องหาชาวฮ่องกงดังกล่าว ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 มี.ค.67 ผ่านด่านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จ.สงขลา อยู่ในประเทศไทย 30 วัน สิ้นสุดวันอนุญาต 28 เม.ย.67
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหา "ร่วมกันทำ มี ใช้ นำเข้านำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 , ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 , ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม "
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปถึงตัว ผู้จ้างวาน เครือข่ายของขบวนการนี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ฝากประชาสัมพันธ์ประชาชนหากได้รับข้อความ(SMS) ในลักษณะแนบลิงค์ดังกล่าวข้างต้นห้ามกดลิงค์โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้
#แก๊งคอลเซ็นเตอร์
#เครื่องเกี่ยวสัญญาณ
CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ ตำรวจไซเบอร์-บช.สอท.