อิสราเอล สั่งลงโทษเจ้าหน้าที่สั่งโจมตีขบวนรถองค์กรบรรเทาทุกข์ อ้างมีการสื่อสารผิดพลาด

          หลายประเทศและกลุ่มองค์กรการกุศล เรียกร้องให้มีการสอบสวนโดยอิสระ เหตุกองกำลังป้องกันอิสราเอลหรือไอดีเอฟ ส่งโดรนโจมตีและสังหารเจ้าหน้าที่ 7 คนในฉนวนกาซา แม้ว่าต่อมาไอดีเอฟจะยอมรับว่ามีความผิดพลาดร้ายแรง ในการกำหนดเป้าหมายซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กรการกุศล World Central Kitchen (WCK) และได้ไล่ออกเจ้าหน้าที่อาวุโส 2 คน แต่นางเอริน กอร์ ซีอีโอของกลุ่มองค์กรบรรเทาทุกข์ เห็นว่ารายงานของกองทัพอิสราเอล ไม่มีความน่าเชื่อถือ และต้องมีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมเพื่อรับรองความปลอดภัยของผู้ที่ปฏิบัติงานภาคพื้นดินในฉนวนกาซา ซึ่งในขณะนี้มีหลายองค์กรต้องระงับการทำงาน หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ก็จะยังมีการอ้างถึงความผิดพลาด มีคำขอโทษ และการสูญเสียเพิ่มขึ้น

          โดยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน ขีปนาวุธ 3 ลูกโจมตีรถขององค์กรการกุศล 3 คันภายในเวลา 4 นาที ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 7 คนขณะที่พวกเขากำลังขนย้ายสิ่งของบรรเทาทุกข์จากชายฝั่งไปยังโกดังสินค้า ซึ่งเป็นการทำงานที่ได้รับอนุญาตจากกองทัพอิสราเอลแล้ว ผู้เสียชีวิตมีทั้งผู้ที่ถือสัญชาติอังกฤษ ออสเตรเลีย และโปแลนด์ รวมถึงผู้ถือสัญชาติสหรัฐฯ-แคนาดา และชาวปาเลสไตน์อีกหนึ่งราย

          หลังเกิดเหตุ ไอดีเอฟยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดในการทำงานและการสื่อสารหลายครั้งในส่วนของผู้ปฏิบัติงานส่งผลให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าเป็นสายปฏิบัติการของกลุ่มฮามาส จึงกำหนดเป้าหมายโจมตี อ้างว่า มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มติดอาวุธจำนวนหนึ่งอยู่ใกล้กับขบวนรถ แต่เจ้าหน้าที่ควบคุมโดรนกำหนดเป้าหมายไม่ถูกต้อง ให้โดรนติดตามรถขององค์กรการกุศล ยอมรับว่าไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบการทำงาน และไม่ได้รับข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับภารกิจช่วยเหลือที่ได้รับอนุมัติล่วงหน้า นอกจากการไล่ออกนายทหารระดับผู้พันและพันตรีแล้ว ยังมีการตำหนิผู้บัญชาการไอดีเอฟ 3 นายอย่างเป็นทางการ และให้พักงานหน่วยโดรนที่มีปฏิบัติการด้วย

          อย่างไรก็ตาม อิสราเอลอยู่ภายใต้แรงกดดันจากพันธมิตรชาติตะวันตกให้เผยแพร่รายงานการสอบสวนทั้งหมดนี้ต่อสาธารณะ

          ลอร์ด เดวิด แคเมอรอน รัฐมนตรีการต่างประเทศสหราชอาณาจักร กล่าวว่ากำลังมีการตรวจสอบรายงานเบื้องต้นของฝ่ายอิสราเอล และเห็นว่าการไล่เจ้าหน้าที่ 2 คนออกว่าเป็นเพียงก้าวแรกของการลงโทษ เรียกร้องให้มีการเผยแพร่รายงานการสอบสวนทั้งหมด และให้มีการตรวจสอบอีกครั้งโดยคณะทำงานอิสระ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและแสดงความรับผิดชอบสูงสุด

          นาย แอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าเขาได้รับรายงานของอิสราเอลแล้ว กำลังทบทวนรายงานโดยละเอียด ว่ามีการดำเนินการตามขั้นตอนอย่างไร และผลลัพธ์ที่ตามมา

          ในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (5 เม.ย.) กลุ่มไอดีเอฟได้เผยแพร่ข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงภาพวิดีโอที่อ้างว่าเป็นมือปืนกลุ่มฮามาสถือปืนอยู่ที่หลังคารถคันหนึ่งขณะที่เดินทางไปยังจุดขนส่งสิ่งของ ไอดีเอฟจึงติดต่อไปยังผู้ประสานงานขององค์กรบรรเทาทุกข์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งรถไปถึงปลายทาง นำสิ่งของลงจากรถ รถทั้ง 3 คันก็เดินทางเลียบชายฝั่งลงพื้นที่ทางตอนใต้ในช่วงราว 23.00 น. เนื่องจากความมืด ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบลักษณะรถ และโลโก้ของ WCK ที่อยู่บนหลังคารถ จึงเข้าใจว่ากลุ่มฮามาสยึดรถไว้ นอกจากนี้ยังมีภาพจากฟุตเทจขณะที่รถออกจากจุดขนส่งสินค้า มีชายคนหนึ่งนั่งถือถุงอยู่ในรถ แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเข้าใจผิดว่าเขาถือปืนไรเฟิล จึงกำหนดเป้าหมายโจมตีรถคันนั้น แต่เมื่อกลุ่มเจ้าหน้าที่จากรถคันแรกลงจากรถ วิ่งไปยังรถคันที่สอง พวกเขาจึงตัดสินใจโจมตีรถคันที่ 2 และเมื่อมีเจ้าหน้าที่ 2 คนออกจากรถคันที่สอง เข้าไปในรถคันที่ 3 พวกเขาจึงสั่งโจมตีรถคันที่ 3

          พล.ร.ต. แดเนียล ฮาการี โฆษกไอดีเอฟ กล่าวว่า การสอบสวนของอิสราเอลดำเนินการโดยหน่วยงานอิสระที่เป็นมืออาชีพ ซึ่งอยู่นอกสายการบังคับบัญชา โดยเน้นไปที่กระบวนการทำงาน พวกเขาจะเผยแพร่ผลการสอบสวนต่อสาธารณะหลังจากนำเสนอต่อกลุ่มองค์กรบรรเทาทุกข์และตัวแทนของประเทศที่พลเมืองถูกสังหารในเหตุการณ์อย่างครบถ้วน ย้ำว่า ทหารไอดีเอฟมั่นใจว่าพวกเขากำหนดเป้าไปที่กลุ่มฮามาส แต่มีความเสียหายร้ายแรงเกิดขึ้น “จากความผิดพลาดอันเลวร้ายต่อเนื่องกัน”

          นอกจากนี้ นาย อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ 196 คนเสียชีวิตในฉนวนกาซานับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น ซึ่งสหประชาชาติต้องการทราบว่าเหตุใดพวกเขาจึงถูกสังหาร และว่ารัฐบาลอิสราเอลยอมรับความผิดพลาด แต่จากความสูญเสียที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่าปัญหาสำคัญคือไม่ใช่ว่าใครเป็นคนทำผิด แต่เป็นเพราะยุทธศาสตร์และขั้นตอนการทำงานที่เปิดโอกาสให้มีความผิดพลาด ที่สร้างความสูญเสียเพิ่มขึ้น

...

#อิสราเอล

#ฉนวนกาซา

#องค์กรการกุศล

#ฮามาส