ตัวแทนโรฮิงญาในไทยเรียกร้องนานาชาติกดดันเมียนมาร์คืนสิทธิโรฮิงญา

ปัญหาของชาวโรฮิงญา ที่ทั่วโลกกำลังจับตามองในการพูดคุยงานเสวนาวิชาการ เรื่อง โรฮิงญา รัฐ ชาติ ประวัติศาสตร์ และความหวัง เพื่อก้าวข้ามอคติและดราม่า สู่การแสวงหาข้อเท็จจริง

นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานอนุกรรมการด้านผู้อพยพไร้สัญชาติ สภาทนายความ กล่าวในงานเสวนาฯ ว่า ในอดีตมีการนำเสนอเรื่องเหล่านี้น้อยมาก รวมถึงประเทศไทยก็ดำเนินการ แบบไม่รู้ ไม่เห็นหรือปล่อยปะละเลยเมื่อพบก็จะใช้วิธีการผลักดันออก ส่วนวิธีการที่ดีและเหมาะสมควรใช้วิธีการส่งกลับตามขั้นตอนกระบวนการ ตามพระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ถือว่าเป็นการปราบปรามขบวนการค้ามนุษยไปพร้อมๆกัน แต่ในขณะเดียวจะต้องเข้าในเรื่องของสิทธิมนุษยชนและความมั่นคงที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไป ขณะที่ในการจัดประชุมร่วม 15 ประเทศ ในวันที่ 29 พ.ค.2558 นี้ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานอย่างไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดียอยากให้ทุกประเทศวางแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาให้ชัดเจนและจริงจัง โดยควรที่จะทำงานประสานเชื่อมโยงข้อมูลในการแก้ไขปัญหานี้อย่างแท้จริง

ขณะที่นายอาลี อำหมัด ตัวแทนจากสมาคมโรฮิงญาสากลแห่งประเทศไทย ระบุว่า ขณะนี้ตัวเองมีความสุขและขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดำเนินการได้อย่างถูกต้องเกี่ยวกับการช่วยเหลือชาวโรฮิงญา และแก้ไขเรื่องของขบวนการค้ามนุษย์ในตอนนี้ ซึ่งถือว่ามีการจัดการได้เป็นอย่างดี แต่ส่วนตัวจากที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมา 20 ปี และทำงานด้านการช่วยเหลือชาวโรฮิงญามา 7 ปี ทำให้รู้ถึงปัญหาและสิทธิของชาวโรฮิงญาที่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ ของประเทศเมียนมาร์ ว่า ชาวโรฮิงญาในประเทศเมียร์มาร์นั้นจะถูกกีดกันในด้านสิทธิต่างๆ เช่น ถูกยึดทะเบียนบ้าน ,บัตรประชาชน ,สิทธิในด้านการศึกษา ,และสุขภาพ เนื่องจากชาวโรฮิงญาในเมียร์มาร์ถูกมองว่ามีความแตกแยกในเรื่องของเชื้อชาติและศาสนา ซึ่งทางรัฐบาลเมียรมาร์ก็วางแผนให้ชาวโรฮิงญาเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อต้องการยึดพื้นที่ของชาวโรฮิงญา ที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีมูลค่ามหาศาล จึงส่งผลให้ชาวโรฮิญามีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก จนต้องหลบหนีออกนอกประเทศ
นายอาลี กล่าวว่า การแก้ไขปัญหานี้อยากขอให้นานาประเทศช่วยกันกดดันรัฐบาลเมียรมาร์ ให้มีการพิสูจน์สัญชาติชาวโรฮิงญา และคืนสิทธิของชาวโรฮิงญาที่ถูกยึดไปกลับคืนมา เพื่อทำให้ชาวโรฮิงญามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเหมือนในอดีต