ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมาก 400 ต่อ 10 เสียง เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ กฎหมายสมรสเท่าเทียม ในวาระที่ 3 ตามที่คณะกรรมการธิการฯ พิจารณาแล้วเสร็จ
สำหรับการพิจารณาได้เรียงไปตามมาตรา โดยมีสมาชิกอภิปรายแสดงความเห็นเสนอให้มีการแก้ไขเนื้อหาในบางมาตราที่แตกต่างไปจาก กมธ.วิสามัญฯ ที่ได้แก้ไข เช่น เรื่องการกำหนดอายุคู่สมรสไม่ให้ต่ำกว่า 18 ปี ยกเว้นศาลจะเห็นว่ามีเหตุอันสมควร, กมธ.เสียงข้างน้อยที่มาจากภาคประชาชนเสนอให้เพิ่มคำว่า "บุพการีลำดับแรก" นอกเหนือจากคำว่าบิดาและมารดา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติสำหรับครอบครัวที่มีความหลากหลายทางเพศ แต่กรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า การกำหนดบุพการีลำดับแรก เป็นคำใหม่ที่ไม่เคยบัญญัติในกฎหมาย และไม่มีการให้คำนิยาม จึงอาจเกิดผลกระทบในการบังคับใช้ได้ จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่จะกระทบต่อกฎหมายทั้งหมดของประเทศ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงมีมติเสียงข้างมาก เห็นชอบตามการปรับแก้ของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก
นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา หรือ โฆษกวิปวุฒิสภา เปิดเผยว่า หลังสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบในวาระที่ 3 ว่า วุฒิสภา พร้อมพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว ในวันที่ 1-2 เม.ย.นี้ หรือ วันที่ 9 เม.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสมัยประชุมสภา สมัยสามัญ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566 มั่นใจว่า จะสามารถพิจารณารับไว้พิจารณา พร้อมตั้งกรรมาธิการฯ มาพิจารณาต่อได้ทันอย่างแน่นอน
ซึ่งกรรมาธิการฯ จะใช้เวลาในช่วงการปิดสมัยประชุม มาพิจารณา ก่อนจะเสนอกลับมายังวุฒิสภา เพื่อพิจารณาลงมติให้ความเห็นชอบในช่วงเปิดสมัยประชุมสภา สมัยสามัญ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 ให้ทันก่อนที่สมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่
สำหรับการพิจารณาในครั้งนี้ สส.ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ขอใช้เอกสิทธิ์ไม่ให้ความเห็นชอบ เนื่องจากขัดกับหลักศาสนา
#กฎหมายเท่าเทียม