รวบ เกย์แสบ-รอง ผอ.รร.ชื่อดังย่านปากเกร็ด หัวหน้าแก็งค้ายาเสพติด

27 มีนาคม 2567, 13:36น.


          การปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. -หัวหน้าชุด ศอ.ปส.ตร. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว



1.นายเศรษฐยศ หรือเจ๊เก่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังย่านปากเกร็ด อายุ 42 ปี ชาวจ.นนทบุรี



2.นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือท็อป อายุ 37 ปี ชาวบางเขน จ.กรุงเทพ  โดยจับกุมตัวได้ที่ ห้องพักในคอนโดมิเนียม ย่านรัตนาธิเบศร์



ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี



          ก่อนหน้านี้ สืบนครบาลร่วมกับ (ศอ.ปส.ตร.)  บุกทลาย รังที่มั่วสุมยาเสพติดและมั่วเซ็กซ์ของเหล่าข้าราชการ “ชายรักชาย ย่านนนทบุรี โดยจับกุมหัวหน้าแก๊งเป็นถึงข้าราชการระดับ รอง ผอ.รร.ดังย่านปากเกร็ด โดยจุดเริ่มต้นมาจาก “เกย์ท็อป” ผู้เขย่าวงการแพทย์ LGTBQ+ หลังเจ้าตัวแอบอ้างว่าตนเป็นแพทย์อายุรกรรมโรคหัวใจโรงพยาบาลดัง ก่อนจะสร้างสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบชายรักชายกับเหล่า บุคลากรทางการแพทย์หนุ่มแล้วหลอกล่อให้เสพยาเสพติดโดยรายล่าสุดถูกลวงให้เสพยาเสพติด “โดยอ้างว่าเป็นยาบำรุง” กระทั่งเหยื่อติดสารเสพติดงอมแงม ตกเป็นทาสกามแบบถอนตัวไม่ขึ้น ถูกหลอกให้ถ่ายคลิปลับ ถูกหลอกถลุงเงินไปหลายล้านบาทเพื่อแลกกับการได้เสพยา จนเหยื่อแทบสิ้นเนื้อประดาตัว



          จากการสืบสวนติดตามทราบว่าเกย์แสบรายนี้คือ นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือท็อป ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ 2 หมายในคดีค้ายาเสพติด เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ส่งเจ้าหน้าที่อำพลางแฝงตัวเข้าวงการเก้งกวางจนพบได้เบาะแสว่า เกย์แสบรายนี้ เป็นสมุนของเอเยนต์ตัวเป้งย่านปากเกร็ด และยังมีดีกรีเป็นถึงข้าราชการ โดยมีกิจกรรมรวมตัวกันของข้าราชการเกย์ในก๊วนมามั่วสุมปาตี้ยาเสพติดกัน อยู่ในคอนโดแห่งหนึ่งบน ถ.รัตนาธิเบศร์



           จนนำมาสู่การจับกุม ในวันที่ 26 มี.ค. 67 ชุดสืบนครบาลบุกไปที่ห้องพักที่ใช้มั่วสุมดังกล่าว โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเคาะประตูพบว่า มีการไหวตัวทำลายพยานหลักฐานไปบางส่วน แล้วเมื่อเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปได้ก็พบ นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือเกย์ท็อป อยู่ภายในห้องกับหัวหน้าก๊วนคือ นายเศรษฐยศ หรือเจ๊เก่ง ซึ่งเป็นข้าราชการครูระดับ รอง ผอ.ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด



          โดยแรกเริ่มเจ้าตัวมีท่าทีบ่ายเบี่ยงกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่เมื่อทำการตรวจค้นห้องพักก็พบยาเสพติดหลายรายการในลักษณะเตรียมแบ่งขายหลายรายการ พบสมุดบันทึกการซื้อขายยาเสพติดจำนวนมาก และยังพบยากระตุ้นอารมณ์ ถุงยาง เจลหล่อลื่น และหนังโป๊ชายรักชายจำนวนมาก โดย เจ๊เก่ง อ้างว่าอุปกรณ์ต่างๆ นั้นไว้ใช้สอนหนังสือในโรงเรียน แต่จากการขยายผลของชุดจับกุมพบว่าเจ๊เก่งเป็นถึง “ระดับหัวจ่าย” ที่คอยส่งยาเสพติดให้กับข้าราชการอีกหลายคน โดยพบเงินหมุนเวียนในห้วงเดือนที่ผ่านมาเป็นจำนวนกว่า 1,300,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบสารเสพติดในร่างกายของทั้งสองพบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งท้ายสุดทั้งสองก็ยอมจำนนและรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมในที่สุด



          ส่วนนายเศรษฐยศ หรือเจ๊เก่ง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ปัจจุบันตน ประกอบอาชีพรับราชการครูตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด สอนวิชาการงานอาชีพให้แก่เด็กชั้นประถมศึกษา โดยตนเริ่มเสพยาตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2566 และเริ่มสั่งยาเสพติดมาจากทวิตเตอร์มาขายในช่วงต้นปี พ.ศ. 2567 ซึ่งนำมาขายให้เพื่อน วัยรุ่น และข้าราชการ ย่านรัตนาธิเบศ จนถึงปัจจุบันตนยังคงรับราชการครูอยู่และยังขายยาเสพติดไปด้วย และได้รู้จักกับเกย์ท็อป เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 โดยนายท๊อปได้ไปไปมามาที่ห้องของตนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนได้นำยามาขายให้กับนายท็อป และให้นำไปขายเรื่อยมา”



           ในชั้นจับกุมทั้งคู่ให้การรับสารสภาพตลอดข้อกล่าวหา  นายกฤตฌาน์พัฒน์ โดยให้การว่า เคยต้องคดียาเสพติด เมื่อปี 2557  ติดคุกอยู่ 1 ปี 3 เดือน หลังจากออกมาจากเรือนจำในปี พ.ศ.2558 พยายามหางานทำเมื่อไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ เพราะเคยติดคุกมาก่อน จึงได้หวนกลับมาในเส้นทางเดิมโดยการเริ่มขายยาเสพติด จนเริ่มคบหาดูใจกับแฟนหนุ่มซึ่งประกอบอาชีพแพทย์มา 2 คน และได้เลิกรากัน โดยยืนยันว่าตนเองไม่ได้ไปหลอกลวงเหล่าแพทย์ชาย แต่เพราะพวกหมอเหล่านั้นติดยาเสพติดที่ตนเอาไปให้เอง และต่อมาได้มารู้จักกับครูเก่ง และตนก็มารับยาจากครูเก่งไปขายเป็นประจำ โดยขายให้กับกลุ่มเพื่อน จนในที่สุดตนได้ถูกออกหมายจับ และถูกจับกุมตัวส่งศาล แต่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว จึงได้หลบหนี ในขณะที่ศาลให้ประกันตัวเป็นระยะเวลา 2 ปี จนมาถูกจับในวันนี้”



          หลังจับกุมตัว ได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “กลุ่มผู้ต้องหาเป็นคนที่มีตำแหน่งหน้าที่ทางสังคม มีความรู้ และยังมีการสร้างเครือข่ายโดยการใช้ความเชื่อมโยงทางจิตใจเพราะเป็นกลุ่มที่มีรสนิยมเดียวกัน และส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าราชการเจ้าหน้าที่



          และที่น่ากลัวที่สุดคือระดับหัวหน้าขบวนการเป็นครูที่ต้องเป็นแม่พิมพ์ให้กับเหล่าอนาคตของชาติ และยังมีตำแหน่งระดับสูงในโรงเรียน ถือเป็นภัยต่อเยาวชนที่ยังศึกษาอยู่ในโรงเรียนอย่างยิ่ง เราจะขยายผลให้ถึงที่สุด



          โดยนายกฤตฌาน์พัฒน์ ตรวจสอบประวัติพบว่าถูกดำเนินคดียาเสพติดกว่า 4 คดี



1. พ.ศ.2557 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ครอบครองยาเสพติด (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่าย” พื้นที่ สน.สุทธิสาร



2. พ.ศ.2560 ถูกดำเนินคดีข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1” พื้นที่ สน.สุทธิสาร



3. พ.ศ.2562 ถูกดำเนินคดีข้อหา “มียาเสพติดประเภท 1 (แอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครอง” พื้นที่ สน.บางโพงพาง



4. พ.ศ.2564 ถูกดำเนินคดีข้อหา “มียาเสพติดประเภท 1 (แอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย” พื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ



 



#แก็งยาเสพติด



 



 

ข่าวทั้งหมด

X