นายเบซาเลล สโมทริช รัฐมนตรีคลังอิสราเอล ประกาศยึดครองที่ดิน 800 เฮกตาร์ (ประมาณ 8ตารางกิโลเมตร) ในเขตเวสต์แบงก์เป็นที่ดินของรัฐ เพื่อใช้สำหรับโครงการก่อสร้างนิคมที่พักของชาวอิสราเอลต่อไป ในประกาศของทางการอิสราเอลในครั้งนี้ มีการใช้ถ้อยคำที่อ้างอิงจากไบเบิล โดยระบุว่า “แม้ว่าจะมีความพยายามบ่อนทำลายสิทธิในแคว้นยูเดียและสะมาเรีย แต่อิสราเอลจะส่งเสริมการตั้งถิ่นฐานผ่านการทำงานหนักและในลักษณะเชิงกลยุทธ์ต่อไป”
นอกจากนี้การยึดที่ดินในหุบเขาจอร์แดนเป็นที่ดินของรัฐ ยังเป็นไปในลักษณะที่คล้ายกับการยึดที่ดิน 300 เฮกตาร์ (ประมาณ 3 ตารางกิโลเมตร) ของชุมชนมาอาเล อดูมีม (Maale Adumim) ในเวสต์แบงก์ ซึ่งชาวปาเลสไตน์ต้องการให้เป็นแกนกลางของรัฐเอกราชในอนาคต
ประกาศฉบับนี้ ยังมีขึ้นในห้วงเวลาที่นาย แอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางมายังอิสราเอลเพื่อหารือกับนาย เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว (กุมภาพันธ์) สหรัฐฯ เตือนว่า การขยายการตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลในเขตเวสต์แบงก์ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายของทางการอิสราเอล และสอดคล้องกับความเห็นของประชาคมโลก ซึ่งถือว่าการที่อิสราเอลยึดครองและตั้งถิ่นฐานในดินแดนปาเลสไตน์ ตั้งแต่สงครามตะวันออกกลางเมื่อปี 2510 นั้นผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาอิสราเอลจะตอบโต้โดยอ้างถึงความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และพระคัมภีร์ของชาวอิสราเอลกับดินแดนนี้
นาย โวลเกอร์ เติร์ก หัวหน้าฝ่ายสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า การจัดตั้งและการขยายการตั้งถิ่นฐานอย่างต่อเนื่องถือเป็นอาชญากรรมสงครามภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศปาเลสไตน์ออกแถลงการณ์ประณามการยึดครองที่ดินและการขยายการตั้งถิ่นฐานว่าเป็นอาชญากรรม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเร่งรัดการผนวกเวสต์แบงก์และขจัดความเป็นไปได้ในการสร้างรัฐปาเลสไตน์ และว่า “ไม่มีศีลธรรม ค่านิยม หลักการ หรือปณิธานระหว่างประเทศใดที่สามารถหยุดยั้งกลุ่มหัวรุนแรงได้” ทั้งตำหนิว่า ความล้มเหลวระหว่างประเทศในการปกป้องชาวปาเลสไตน์ ถือเป็นการสมรู้ร่วมคิด ที่ทำให้อิสราเอลสามารถรอดพ้นจากการถูกลงโทษมาโดยตลอด
สำหรับ นายสโมทริช เป็นหนึ่งในนักการเมืองที่มีอิทธิพลในพรรคฝ่ายขวาจัดในกลุ่มพันธมิตรของนายเนทันยาฮู ตัวของเขาเองอาศัยอยู่ในชุมชนและสนับสนุนการขยายโครงการก่อสร้างชุมชนมาโดยตลอด
ด้านหน่วยงานเฝ้าระวังการตั้งถิ่นฐานของอิสราเอล พีซ นาว กล่าวว่า การยึดครองที่ดินที่มีประกาศครั้งล่าสุดนี้ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สนธิสัญญาออสโลปี 1993 และเห็นว่าการออกประกาศในขณะที่นักการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ เดินทางมาอิสราเอลถือเป็นการยั่วยุ นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยในการบรรลุความเป็นรัฐปาเลสไตน์นับตั้งแต่การลงนามในสนธิสัญญาออสโล โดยมีอุปสรรคสำคัญคือการขยายการตั้งถิ่นฐานของชาวอิสราเอล
…
#อิสราเอล #ปาเลสไตน์ #เวสต์แบงก์