คลังขอผู้ลงทะเบียนหนี้นอกระบบที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ ติดต่อออมสินและธ.ก.ส.เพื่อรับความช่วยเหลือ

16 มีนาคม 2567, 06:36น.


          นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบผ่านกระบวนการทำงานที่ประกอบไปด้วยการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบ, การบังคับใช้กฎหมาย และ การให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ซึ่งกระทรวงการคลังได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อดูแลลูกหนี้นอกระบบให้เข้ามาเป็นลูกหนี้ในระบบและหลุดพ้นจากวงจรการเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว กระทรวงการคลังขอเชิญชวนให้ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ ติดต่อไปยังธนาคารทั้งสองแห่ง



          ทั้งนี้ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 15,000 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 20,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน (Flat rate) ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 6 งวดแรก และระยะเวลาคืนเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 3 ปี ซึ่งหากผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ เป็นผู้ประกอบอาชีพทั่วไปสามารถติดต่อได้ที่ธนาคารออมสิน และหากเป็นเกษตรกรสามารถติดต่อได้ที่ ธ.ก.ส. นอกจากนี้ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ยังมีโครงการสินเชื่ออื่นสำหรับผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ต้องการสินเชื่อเพื่อนำไปชำระหนี้นอกระบบผ่านมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ เช่น โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชนโดยธนาคารออมสิน (วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0.75 ต่อเดือน) สินเชื่อเพื่อชำระหนี้นอกระบบโดย ธ.ก.ส. (วงเงินสินเชื่ออนุมัติรายละไม่เกิน 200,000 บาท หรือในกรณีสงวนรักษาที่ดิน วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MRR ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ไม่เกิน 12 ปี) และบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนของธนาคารออมสิน เพื่อให้บริการขายฝากหรือให้สินเชื่อจดจำนองที่ดินอย่างเป็นธรรม อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 7.5 ต่อปี และปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน



          ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อจากธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบสำหรับผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ ณ วันที่ 14 มีนาคม 2567 มีจำนวน 10,592 ราย แบ่งเป็นผู้ที่เข้าไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือที่ธนาคารทั้งสองแห่งแล้วจำนวน 1,675 ราย (ร้อยละ 15.81) และผู้ที่ยังไม่ได้เข้าไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือที่ธนาคารทั้งสองแห่งจำนวน 8,917 ราย (ร้อยละ 84.19) โดยจากจำนวนผู้ที่เข้ามาติดต่อขอรับความช่วยเหลือ ธนาคารทั้งสองแห่งได้ดำเนินการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไปแล้วจำนวน 525 ราย (ร้อยละ 31.34 ของผู้ที่เข้าไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือที่ธนาคารทั้งสองแห่ง) รวมเป็นจำนวนเงิน 12.02 ล้านบาท สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ ที่ยังไม่ได้เข้าไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือ ธนาคารทั้งสองแห่งได้ดำเนินการเชิงรุกโดยเร่งประชาสัมพันธ์และติดต่อผู้ลงทะเบียนผ่านทางโทรศัพท์ และส่ง SMS ตามข้อมูลที่อยู่ของผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ เพื่อทำการนัดหมายให้เข้ามาติดต่อที่ธนาคารต่อไป สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านสินเชื่อเนื่องจากคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ ธนาคารทั้งสองแห่งก็ได้ให้ความช่วยเหลือทุกราย โดยการให้คำแนะนำปรึกษา ประกอบด้วย การปรับโครงสร้างหนี้ (ลดยอดผ่อนชำระต่องวดลง และขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้นานขึ้น) การให้ความรู้ทางการเงิน รวมทั้งการส่งเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูศักยภาพในการหาแหล่งรายได้หรือพัฒนาอาชีพของธนาคารทั้งสองแห่งด้วยแล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ กระทรวงการคลังขอเชิญชวนให้ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการไกล่เกลี่ยฯ ติดต่อไปยังธนาคารทั้งสองแห่ง



          นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้ส่งเสริมให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบให้แก่ประชาชนรายย่อย โดย ณ เดือนมกราคม 2567 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ และเปิดดำเนินการแล้วสะสมสุทธิ 1,140 ราย ใน 75 จังหวัด และ ณ เดือนธันวาคม 2566 มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยสะสมทั้งสิ้น 4,050,833 บัญชี รวมเป็นวงเงิน 38,857.69 ล้านบาท



...



#หนี้นอกระบบ #กระทรวงการคลัง 

ข่าวทั้งหมด

X