หลังจากเมื่อวันพุธ 13 มี.ค.67 สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติ 352 ต่อ 65 เสียง ผ่านร่างกฎหมายของคณะกรรมการพลังงานและการพาณิชย์ของสภาผู้แทนราษฎร ระบุให้บริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ในจีนขายกิจการติ๊กต๊อก (TikTok) ภายในเวลา 5 เดือน มิเช่นนั้น TikTok จะถูกแบนจากสหรัฐฯ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียซึ่งมีชาวอเมริกันใช้งานประมาณ 170 ล้านคน และส่งต่อให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาต่อไป ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า พร้อมที่จะลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าว หากผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส
สส.65 เสียงที่ไม่เห็นด้วย เป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต 50 เสียง และพรรครีพับลิกัน 15 เสียง
ก่อนการลงมติ ผู้ใช้แอปฯ ดังกล่าว ออกมาชุมนุม พร้อมทั้งระบุว่า ทุกแอปฯ ควรจะมีความเท่าเทียม การลงมติดังกล่าวท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ
สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯที่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าวมองว่า TikTok เป็นแอปพลิเคชันที่เป็นภัยต่อความมั่นคง เนื่องจาก รัฐบาลจีน สามารถใช้กฎหมายข่าวกรองกับบริษัทไบต์แดนซ์ บังคับให้ต้องส่งมอบข้อมูลของผู้ใช้แอปฯในสหรัฐฯ
นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา มุ่งมั่นในการดำเนินการขั้นตอนต่อไปในที่ประชุมวุฒิสภา ด้านนายมาร์ก วอร์เนอร์ ประธานคณะกรรมการข่าวกรองของวุฒิสภา สมาชิกพรรคเดโมแครตจากเวอร์จิเนีย และนายมาร์โก รูบิโอ แห่งฟลอริดา สมาชิกพรรครีพับลิกัน เรียกร้องให้สนับสนุนร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร โดยอ้างถึงเสียงการลงคะแนนเสียงข้างมาก
ด้านนางคารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน ระหว่างเดินทางไปที่รัฐวิสคอนซินเมื่อวันพุธ เรียกร้องให้สมาชิกสภานิติบัญญัติของวุฒิสภา เร่งดำเนินการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว ทำเนียบขาวไม่ได้คาดหวังว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน แม้ว่าเจ้าหน้าที่จีนจะเตือนว่าการผ่านกฎหมายดังกล่าวจะส่งผลย้อนกลับมาที่สหรัฐฯ
นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า สหรัฐฯ ไม่เคยพบหลักฐานที่ชี้ว่า TikTok เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ การผ่านร่างมติดังกล่าว เป็นพฤติกรรมการกลั่นแกล้ง เพราะไม่สามารถเอาชนะในการแข่งขันที่เป็นธรรมได้ ถือเป็นการขัดขวางการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัทต่างๆ และสุดท้ายแล้ว สิ่งนี้จะย้อนกลับมาทำร้ายสหรัฐฯเอง
#TikTok
#สหรัฐฯ
#จีน
แฟ้มภาพ
CR:CNN