กกพ.เปิดรับฟังความคิดเห็นวิธีคิดค่าเอฟที งวด พ.ค.-ส.ค.นี้

08 มีนาคม 2567, 12:58น.


          นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ.เปิดรับฟังความคิดเห็นการคำนวณค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) สำหรับงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2567 ใน 3 กรณีผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 8-22 มี.ค.2567 เพื่อนำค่าเอฟทีประมาณการและแนวทางการจ่ายภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พิจารณาเป็นข้อสรุปก่อนที่จะประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป



          แนวทางการคำนวณค่าเอฟที 3 กรณี ประกอบด้วย



-กรณีที่ 1 จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างทั้งหมดให้ กฟผ. ในงวดเดียวแบ่งเป็น 99,689 ล้านบาท คิดเป็นต้นทุน 146.03 สตางค์ต่อหน่วย และค่าเอฟทีขายปลีกประมาณการที่สะท้อนต้นทุน 19.21 สตางค์ต่อหน่วย รวมเป็นค่าเอฟทีเรียกเก็บ 165.24 สตางค์ต่อหน่วยสำหรับเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.7833 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สำหรับเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 เพิ่มขึ้น 1.25 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย เป็น 5.4357 บาทต่อหน่วย



-กรณีที่ 2 จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างใน 4 งวด แบ่งเป็นเงินเรียกเก็บเพื่อชำระภาระต้นทุนคงค้าง กฟผ. 99,689 ล้านบาท ภายใน 4 งวด ๆ ละ 24,922 ล้านบาท หรือ 36.51 สตางค์ต่อหน่วย และค่าเอฟทีขายปลีกประมาณการที่สะท้อนต้นทุน 19.21 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟทีเรียกเก็บที่ 55.72 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.7833 บาทต่อหน่วยแล้วทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สำหรับเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 เพิ่มขึ้น 16 สตางค์ต่อหน่วย จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย เป็น 4.3405 บาทต่อหน่วย



-กรณีที่ 3 ตรึงค่าเอฟทีเท่ากับงวดปัจจุบันตามที่ กฟผ. เสนอ โดยแบ่งการจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้าง 99,689 ล้านบาท ประมาณ 7 งวด แบ่งเป็นงวดละ 14,000 ล้านบาท คิดเป็น 20.51 สตางค์ต่อหน่วย และค่าเอฟทีขายปลีกประมาณการที่สะท้อนต้นทุนเดือน พ.ค. – ส.ค. 2567 จำนวน 19.21 สตางค์ต่อหน่วย



          ทำให้ค่าเอฟทีเรียกเก็บคงเดิมที่ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.7833 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สำหรับเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 คงอยู่ในอัตราปัจจุบัน 4.1805 บาทต่อหน่วย



         อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 กรณียังไม่รวมเงินภาระคงค้างค่าก๊าซที่เกิดจากนโยบายที่ให้รัฐวิสาหกิจที่นำเข้าก๊าซเรียกเก็บราคาค่าก๊าซเดือน ก.ย.-ธ.ค.2566 คงที่ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จึงมีส่วนต่างราคาก๊าซที่เกิดขึ้นจริงและราคาก๊าซที่เรียกเก็บ (AF Gas) โดยภาระดังกล่าวยังคงค้างที่ ปตท. เฉพาะในส่วนของการผลิตไฟฟ้าเพื่อขายเข้าระบบเป็นเงิน 12,076 ล้านบาท และยังคงค้างที่ กฟผ. เป็นจำนวนเงิน 3,800 ล้านบาท



 



#ค่าเอฟที



#ค่าไฟฟ้าผันแปร

ข่าวทั้งหมด

X