*นายกฯให้ความมั่นใจบริหารงบฯ2559อย่างรอบด้านเร่งสอบงบฯสปสช.ให้โปร่งใส*

หลังจากที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ได้อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2559 ในวาระแรกเสร็จสิ้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวขอบคุณสมาชิก สนช.ที่ร่วมแสดงความเห็น ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการแก้ปัญหาอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะระบบบริการสุขภาพที่ต้องได้รับงบประมาณจำนวนมาก เนื่องจาก สังคมไทยยังมีกลุ่มบุคคลที่ยากจนและไม่ได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียมกัน และจะเร่งตรวจสอบการทำงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ( สปสช.)เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และสอดคล้องกับผู้ใช้สิทธิประกันสุขภาพ พร้อมขออย่าให้นำงบประมาณประเทศไปเปรียบเทียบกับต่างประเทศ เนื่องจาก โครงสร้างภาษีของไทยแตกต่างกับต่างประเทศ รายได้ของคนในชาติไม่เท่ากัน ซึ่งตลอด 6 เดือนที่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินได้เร่งแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานในทันที รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณ ได้ดำเนินการอย่างรอบด้านแล้ว ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้โรดแม็พอยู่ในระยะที่สองและเมื่อถึงระยะสาม ยืนยันว่าตัวเองจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก ปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่

นายกฯ ย้ำว่า จะเร่งพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการส่งออกที่ต้องรวดเร็วมากขึ้นเพิ่มรายได้ให้ประเทศ พร้อมทั้งเร่งแก้ปัญหาด้านการศึกษา เพื่อให้ประเทศไทยมีศักยภาพมากขึ้น โดยรายได้ปี 2558 จะสูงกว่าปี 2557 ประมาณ 2 หมื่น 2 พันล้านบาท ส่วนการพัฒนาระบบเกษตรกรรมได้วางแผนพัฒนาระบบแหล่งน้ำ ระบบชลประทาน ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องวางแผนการทำงานร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพ พร้อมกำชับให้ตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นของนโยบายการพัฒนาถนน เพราะรัฐบาลอนุมัติงบประมาณไปจำนวนมาก แต่ยังไม่เกิดการพัฒนาเท่าที่ควร นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลยังมีการกระจายงบประมาณสู่ท้องถิ่นอย่างทั่วถึงรวมทั้งยังไม่มีการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เพราะต้องการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งการบริหารราชแผ่นดินอยู่ที่รัฐบาลเพียงร้อยละ 10  ที่เหลือร้อยละ 90 เป็นหน้าที่ของแต่ละกระทรวงและต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนด้วย พร้อมระบุว่าไทยกำลังถูกกดดันจากประชาคมโลก จากปัญหาผู้อพยพโรฮิงญา ที่เกิดจากความไม่ร่วมมือกันของประชาคมอาเซียน ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่กวดขันเข้มงวด พร้อมระบุว่าไม่ภูมิใจในการทำงานครบ 1 ปีของตัวเอง เนื่องจากปัญหาที่สะสมไว้ยังไม่ได้รับการแก้ไข ส่วนการพัฒนาจะต้องเร่งการเบิกจ่ายให้มากขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนบริโภคมากขึ้น ทั้งนี้ จะให้ทุกหน่วยงานประเมินผลจากการใช้จ่ายงบประมาณทุก 3 เดือน เพื่อติดตามความคืบหน้าในการทำงาน

ผู้สื่อข่าว: สมจิตร์ พูลสุข