*สรุปข่าว19.35น.*

21 พฤษภาคม 2558, 18:56น.


+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ  ให้สัมภาษณ์แอนดรูว์ สตีเว่น ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ครบรอบ 1 ปี การยึดอำนาจว่า ไม่เคยต่อต้านประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยแบบตะวันตกหรือตะวันออก ให้การสนับสนุนทุกรัฐบาลมาโดยตลอด แต่ประเด็นสำคัญคือ รัฐบาลชุดก่อนหน้าไม่สามารถเดินหน้าประเทศต่อไปได้ เรามีโรดแม็พไปสู่ประชาธิปไตย คาดว่าต้นปีหน้าน่าจะจัดการเลือกตั้งได้ ยืนยันว่า ไม่ได้คัดค้านหรือทำให้กระบวนการต้องล่าช้าออกไปหรือก้าวก่ายกระบวนการเลือกตั้ง ไม่ได้อยากอยู่ในอำนาจ แต่เพราะเป็นคนเดียวที่สามารถรับมือกับปัญหาที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ในขณะนั้นได้ และยืนยันด้วยว่าประเทศไทยจะกลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ประชาธิปไตยจะเข้มแข็ง ยั่งยืน ก้าวหน้าและทัดเทียมประเทศอื่น ส่วนการใช้มาตรา 44 ก็เพื่อความจำเป็นในการทำงาน เพราะถ้าไม่ใช้มาตรานี้ก็จะทำงานไม่ได้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงาน แต่ยืนยันว่าไม่เคยใช้อำนาจในทางที่ผิดไปทำร้ายใคร



+++นายอนุสิษฐ์ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)กล่าวว่า เป็นการดีหากสหรัฐฯ จะรับชาวโรฮีงญา ไปอยู่ในประเทศ เพราะตอนนี้เป็นปัญหาที่ทุกประเทศจะต้องช่วยเหลือกัน หากสหรัฐฯ มีท่าทีเช่นนี้ก็จะทำให้การแก้ปัญหามีแนวทางที่ดีขึ้น แต่เชื่อว่าสหรัฐฯ คงมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดก่อนที่จะรับไปดูแล ทั้งนี้กระทรวงต่างประเทศจะเป็นผู้ประสานงานหลักกับประเทศต่างๆในแถบนี้และเพื่อนบ้านในการดูแลชาวโรฮิงญา และการส่งกลับ



+++เว็บไซต์แชนเนล นิวส์ เอเชีย รายงานว่าผู้อพยพชาวโรฮิงญาหลายร้อยคนในมาเลเซีย ประท้วงที่ด้านนอกสถานทูตเมียนมาร์ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย เรียกร้องสิทธิ์การเป็นพลเมืองโดยสมบูรณ์ และขอให้รัฐบาลประธานาธิบดีเต็ง เส่งของเมียนมาร์คืนที่ดินและทรัพย์สินต่างๆให้  ผู้เข้าร่วมการประท้วงครั้งนี้รวมถึงองค์กรเอ็นจีโอหลายแห่งของมาเลเซียและสมาชิกพรรคพีเอเอส พรรคการเมืองสายอิสลาม ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของมาเลเซีย ที่ระบุว่า มาเลเซีย มีประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ควรจะดำเนินการให้มากกว่านี้เพื่อช่วยเหลือชาวมุสลิมโรฮิงญา พวกเขายังเรียกร้องให้มาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานกลุ่มอาเซียน แสดงบทบาทนำและกดดันรัฐบาลเมียนมาร์ให้หยุดใช้ความรุนแรงต่อชาวโรฮิงญา อนุญาตให้ชาวโรฮิงญาได้รับสัญชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถเดินทางกลับไปตั้งถิ่นฐานในเมียนมาร์



+++การประท้วงมีขึ้น 1 วันหลังมาเลเซียและอินโดนีเซียเห็นพ้องจะจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวให้แก่ผู้อพยพและผู้ลี้ภัยที่ติดค้างอยู่ในทะเล ชาวโรฮิงญาและชาวบังคลาเทศราว 7,000 คนถูกขบวนการค้ามนุษย์ลอยแพอยู่ในอ่างเบงกอลและทะเลอันดามัน หลังรัฐบาลไทยปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ผู้เข้าร่วมการประท้วงครั้งนี้รวมถึงองค์กรเอ็นจีโอหลายแห่งของมาเลเซียและสมาชิกพรรคพีเอเอส พรรคการเมืองสายอิสลาม ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของมาเลเซีย ผู้ประท้วง กล่าวว่ามาเลเซีย ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ควรจะดำเนินการให้มากกว่านี้เพื่อช่วยเหลือชาวมุสลิมโรฮิงญาพวกเขายังเรียกร้องให้มาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานของกลุ่มอาเซียน แสดงบทบาทนำและกดดันรัฐบาลเมียนมาร์ให้หยุดใช้ความรุนแรงต่อชาวโรฮิงญา อนุญาตให้ชาวโรฮิงญาได้รับสัญชาติ เพื่อให้พวกเขาสามารถเดินทางกลับไปตั้งถิ่นฐานในเมียนมาร์



+++ความคืบหน้าการดำเนินคดีและการแก้ปัญหา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวว่า ต้องแยกชาวโรฮิงญา ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ยังไม่ได้เข้ามาในเขตแดนของประเทศไทย ซึ่งกลุ่มนี้ก็ถือว่ามีสิทธิ์ที่จะลอยลำอยู่ในน่านน้ำสากล เพื่อรอความช่วยเหลือ  ซึ่งขณะนี้มีประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่อาสาจะรับชาวโรฮิงญา ขึ้นฝั่งแล้ว จึงถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มที่เข้ามาในเขตแดนและอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายข้อหาลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นไปตามหลักสากล ตอนนี้มีชาวโรฮิงญาที่อยู่ในการควบคุมของสตม. ประมาณ 318 คน ไทยจะปฏิบัติตามหลักมนุษยชน เพื่อรอดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป



+++สำหรับข้าราชการตำรวจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกมาช่วยราชการที่ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร.กล่าวว่าจเรตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่านายตำรวจกลุ่มดังกล่าวที่ถูกเรียกตัวมา มีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญานี้หรือไม่ หากพบว่ามีหลักฐานชัดเจนว่า มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิด ก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดโดยที่ไม่มีการละเว้น 



+++ด้านพล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ในฐานะโฆษกศูนย์ปฎิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้วทั้งหมด 77 หมายจับ ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้อีก 9 คน โดยเป็นการเข้ามอบตัว 4 คน ในจำนวนนี้มี นายโปเซี๊ย อังโชติพันธุ์ หรือโปเซี่ย เครือญาติ นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง,นายสมพล อาดำ สจ.เขตต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล, นายสมบูรณ์ สันโด นายสมเกียรติ แก้วประดับ  ส่วนอีก 5 คน เจ้าหน้าที่จับกุมได้ ประกอบด้วย นายอับดุลลาซีด มันตะสุม, นายหมัดยุโส๊ป บิลเหล็ม, นายเจ๊ะเต๊ะ ยะฝาด, นายหมิด หมอชื่น, และนายอูเซ็น ชาวบังคลาเทศซึ่งทั้งหมดเป็นเครือข่ายค้ามนุษย์ทั้งในจ.สงขลา สตูล และระนอง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลที่ศูนย์ปฏัติการตำรวจภูธรภาค9ส่วนหน้า ล่าสุดนายวุฒิ วุฒิประดิษฐ์ อายุ 49 ปี เป็นหัวหน้าเครือข่ายที่รับผิดชอบในพื้นที่ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล  และเป็นกลุ่มเดียวกับนายปัจจุบัน ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้าเพิ่มอีก1 คน



+++นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.)ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีกล่าวหาว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่ำรวยผิดปกติ เปิดเผยว่า นายธาริตได้ส่งเอกสารชี้แจงที่มาของทรัพย์สินที่ ป.ป.ช.มีคำสั่งให้อายัดส่งมาที่คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ แล้ว หลังจากนี้ คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ จะต้องตรวจสอบเอกสารชี้แจงว่าตรงกับประเด็นที่ ป.ป.ช.ตั้งข้อสงสัยหรือไม่ ทั้งในส่วนทรัพย์สิน เงินฝาก บ้าน ที่ดิน รถยนต์ รวมทั้งทรัพย์สินในตู้นิรภัยว่ามีข้อมูลอ้างอิงที่มาของทรัพย์สิน หรือมีพยานยืนยันหรือไม่ หาก ป.ป.ช.ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ก็จะขอข้อมูลจากนายธาริตเพิ่มอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หากคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ตรวจสอบพบความผิดปกติ ก็จะแจ้งนายธาริต เพื่อให้มาชี้แจงด้วยตัวเองต่อไป



+++ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวถึง การตรวจสอบเชิงลึกบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางกับพวก ว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีดังกล่าว กำลังประสานข้อมูลเรื่องทรัพย์สินกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.) ซึ่งกำลังดำเนินการนำทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องขายทอดตลอดเพื่อสรุปมูลค่าทรัพย์สิน อนุกรรมการกำลังตั้งคณะทำงานเพื่อให้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลจาก ป.ป.ง. เพื่อนำมาประกอบการตรวจสอบเชิงลึกต่อไป



+++ดัชนีความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ SMEs ประจำไตรมาสที่ 1/2558 นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ภาพรวม SMEs ไทยค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น นายวิเชียร แก้วสมบัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า SMEs ไตรมาสแรก ดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 50 ลดลงไตรมาสก่อน 0.5  และคาดว่า ไตรมาสถัดไปจะดีขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่ระดับ 50.7 โดย SMEs ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีแนวโน้มความสามารถการแข่งขันดีกว่าภาคอื่น ๆโดยเฉพาะภาคธุรกิจบริการดีกว่าภาคอื่น ปัจจัยบวกเศรษฐกิจของ SMEs ในปีนี้  คือ  ผลดีจากการที่ รัฐบาลประกาศให้ SMEs เป็นวาระแห่งชาติ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศมีเสถียรภาพ นโยบายดอกเบี้ยระดับต่ำใกล้เคียงร้อยละ 1.50  การค้าชายแดนและการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น การจัดตั้งเขตเศรฐษกิจพิเศษตามแนวชายแดนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี การปรับตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน หรือเออีซี ส่วนปัจจัยลบ ต้นทุนการผลิตอื่น ๆ นอกจากพลังงาน ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น ความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงมีอยู่ ภาวะหนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง ค่าครองชีพมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่ากว่าประเทศอื่น ๆ สำหรับ 5 ธุรกิจ  ดาวเด่น ได้ แก่ ธุรกิจบริการความงามและสุขภาพ ธุรกิจร้านอาหาร/เครื่องดื่ม, ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ/อาหารเสริม, ธุรกิจด้านการศึกษา/โรงเรียนกวดวิชา และธุรกิจผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนดาวร่วง ได้แก่ ธุรกิจสินค้าทางการเกษตร, ธุรกิจวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลทางการเกษตร, ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง, ธุรกิจปั๊ม LPG และธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์/จักรยานยนต์



+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวัน ปิดที่ 1,526.25 จุด เพิ่มขึ้น 6.41 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,151.77 ล้านบาท นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า แม้ว่า ธนาคารพาณิชย์ปรับลดดอกเบี้ยลง แต่ตลาดหุ้นวันนี้ขยับขึ้นได้ ซึ่งอาจจะเป็นผลจากคลายกังวลหลังจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. ขณะที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ประกอบกับความชัดเจนเรื่องงบลงทุนขนาดใหญ่ ทำให้หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องคึกคักมากขึ้น



+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว ของญี่ปุ่น ปิดบวก 6.31 จุด ที่ 20,202.87 จุด  ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดปรับตัวลดลงในวันนี้ หลังจากที่เอชเอสบีซี โฮลดิงส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนพ.ค. ขยับขึ้นแตะ 49.1 จาก 48.9 ในเดือนเม.ย. อย่างไรก็ดี ตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นถึงภาวะหดตัว ดัชนีฮั่งเส็งลดลง 61.33 จุด  ปิดที่ 27,523.72 จุด

+++กระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนได้ขอให้อินโดนีเซียแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำลายเรือของจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือ 14 ลำที่ถูกทางการอินโดนีเซียระเบิดทำลายเมื่อวันพุธ ฐานต้องสงสัยว่าเข้ามาทำประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียอย่างผิดกฎหมาย นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด เข้ารับตำแหน่งผู้นำอินโดนีเซียเมื่อเดือนตุลาคม รัฐบาลได้ระเบิดทำลายเรือต่างชาติไปหลายสิบลำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ใช้มาตรการเข้มงวดในการปราบปรามการลักลอบทำประมง



 



 



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X