การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่มีการพิจารณาวาระแรกของร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2559 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ระบุถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ว่า กำลังเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ มองว่าเศรษฐกิจหลังจากนี้มีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น ทั้งการฟื้นตัวของภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม การขยายตัวด้านการท่องเที่ยว ซึ่งในปีหน้ามีโอกาสขยายตัวมาก ขณะที่ภาครัฐ กำลังเร่งดำเนินการเรื่องการคมนาคมขนส่ง ซึ่งก็ค่อนข้างเป็นห่วงว่าในปีหน้าราคาน้ำมันจะสูงขึ้นเร็วกว่าปกติ อีกทั้งการแข็งค่าของเงินบาท ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยได้ ขณะเดียวกันจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนให้มากขึ้นเพื่อให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วม
ขณะที่ การอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2559 ของสมาชิกสนช. นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสนช. กล่าวขอบคุณนายกฯที่ให้การช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้รับเงินในโครงการรับจำนำข้าว โครงการรับชำระหนี้ 3 ปีของลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร( ธ.ก.ส.) และโครงการอื่นๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรจำนวนมาก และจากการลงพื้นที่พบประชาชนพบว่าขณะนี้ไทยอยู่ในช่วงขาขึ้นในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในเรื่องของงบประมาณกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทุกกรมอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ แต่มีอยู่องค์กรหนึ่งที่เกี่ยวข้องคือ สภาเกษตรกรแห่งชาติ ที่มองแล้วมีความจำเป็นและสำคัญยิ่งในการกำหนดนโยบาย วางแผนพัฒนาการเกษตร อย่างต่อเนื่อง ซึ่งควรจะได้รับงบประมาณเพิ่มมากกว่านี้
ด้านนายสมบูรณ์ งามลักษณ์ สมาชิกสนช. กล่าวว่า ต้องขอชมเชยรัฐบาลว่ามีความจริงจังในการทำงาน โดยดูจากรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2559 ที่สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน และขออย่าให้วิตกกังวลในเรื่องหนี้สาธารณะ เนื่องจากไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะใช้หนี้ได้
พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร สมาชิกสนช. กล่าวเห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ โดยระบุว่าการใช้งบประมาณแบบขาดดุลหมายถึงการที่รัฐมีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย ซึ่งอาจเป็นการกู้เงินมาลงทุนหรือใช้ในกิจการใดๆของรัฐ ทำให้รัฐต้องใช้งบประมาณขาดดุล และพบว่ารัฐบาลใช้งบประมาณขาดดุลกว่า 3 แสนล้านบาท แต่ในจำนวนนี้เป็นการจัดสรรสำหรับงบลงทุน เชื่อว่าปีหน้า รัฐบาลจะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อพัฒนาการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น และการดำเนินการต้องเน้นเรื่องวินัยทางการคลัง
เช่นเดียวกับ นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. ที่แสดงความเห็นไปในทางเดียวกัน แต่ก็ระบุว่าควรเพิ่มงบประมาณยุทธศาสตร์อาร์แอนด์ดี หรือยุทธศาสตร์วิจัยและพัฒนาให้มากกว่านี้ เพื่อสนับสนุนการหานวัตกรรมใหม่ๆให้กับประชาชน
ผสข.สมจิตร์ พูลสุข