กรณี กะเทยฟิลิปปินส์ หลังมีการสอบปากคำและตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วช่วงเย็นวันนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่ ที่จะเพิ่มความเข้มงวดเรื่องต่างชาติที่เข้ามาค้าขายในพื้นที่สุขุมวิทซอย 11 คือจุดที่เกิดเหตุ รวมถึงประเด็นยาเสพติด พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ลุมพินี ลงพื้นที่ด้วย พร้อมย้ำว่า ขณะนี้ สาวสองฟิลิปปินส์ อยู่ระหว่างสอบปากคำ 2 ราย ซึ่งจะมีการทำงานร่วมกับ ตม.
ด้านพันตำรวจเอก ปริญญา กลิ่นเกษร รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 และรองโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบ พบข้อมูลของชาวฟิลิปปินส์ 2 คนที่ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ลุมพินี ว่า ทั้ง 2 คนเข้ามาประเทศไทยด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ที่ยกเว้นการตรวจลงตรา สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 30 วัน โดยไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งทั้ง 2 คน ยังมีวีซ่านักท่องเที่ยว ทำให้อยู่ในประเทศไทย ได้ถึงวันที่ 16 มี.ค. 67 และ 30 มี.ค. 67
ขณะที่ ชาวบ้านในพื้นที่ ซอยสุขุมวิท 11 ได้เปิดเผยว่า กลุ่ม กะเทยฟิลิปปินส์ ที่เข้ามาพักอาศัยในบริเวณนี้ ไม่ใช่นักท่องเที่ยว แต่เข้ามาทำอาชีพ Sex Worker ในประเทศไทย เพราะชาวบ้านเห็นเป็นประจำว่าที่ผ่านมา คนฟิลิปปินส์กลุ่มนี้จะแต่งตัวสวยงาม และยืนจับกลุ่มกันบริเวณ ซอยสุขุมวิท 11 ตั้งแต่ช่วง 23.00 น. ยาวไปจนถึงเช้า หากมีชาวยุโรปเดินผ่านก็จะพูดเป็นภาษาอังกฤษ ในลักษณะเชิญชวน ว่า “Masssage Masssage”
ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่รู้กันดีว่า กลุ่มกะเทยชาวฟิลิปปินส์เข้ามาทำงานเป็น Sex Worker ในประเทศไทย ระยะเวลาที่เห็น นานร่วม 4-5 ปีแล้ว ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเข้ามาเป็นชุดๆ ครั้งละ 10 คน อยู่นานครั้งละ 3 เดือน บางครั้งก็หน้าเดิม บางครั้งก็หน้าใหม่ หมุนเวียนกันไปแบบนี้
ตำรวจกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 (บก.ตม.1) ได้ลงพื้นที่ไปยังโรงแรมที่เกิดเหตุในซอยบริเวณดังกล่าว เพื่อตรวจสอบข้อมูลของสาวประเภทสองชาวฟิลิปปินส์ว่า เป็นไปตามขั้นตอนถูกต้องตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบบุคคลที่เข้าพักว่าอยู่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือโอเวอร์สเตย์ หรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล โดยหลังจากตรวจสอบข้อมูลแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็จะส่งมอบข้อมูลให้ สน.ลุมพินี พิจารณาดำเนินการต่อ
สำหรับที่พักทุกแห่งจะต้องแจ้งการเข้าพักทุก 24 ชั่วโมง เพื่อให้ทราบว่า หลังจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าประเทศมาแล้วไปพักที่ใด หากผู้ประกอบการรายใดไม่ให้ความร่วมมือจะมีความผิด หากเป็นผู้ประกอบกิจการโรงแรม มีโทษปรับ 8,000-10,000 บาท ต่อผู้เข้าพัก 1 คน แต่หากเป็นที่พักทั่วไปจะมีโทษปรับ 1,600-2,000 บาท ต่อผู้เข้าพัก 1 คน
#สาวสอง
#ทะเลาะวิวาท
#กรุงเทพมหานคร