หนุ่มสาวชาวเมียนมา เหยียบกันดับ 2 รายในมัณฑะเลย์ หนีเกณฑ์ทหาร-ไม่อยากสู้รบ

27 กุมภาพันธ์ 2567, 17:28น.


          บีบีซีรายงานอ้างนายจัสติน แชมเบอร์ส นักวิจัยเกี่ยวกับเมียนมาประจำสถาบันวิจัยเดนิช อินสทิทิวท์ ออฟ อินเตอร์เนชันแนล สตัดดีส์(Danish Institute of International Studies)ของเดนมาร์กว่า เหตุคนหนุ่มสาวชาวเมียนมาเหยียบกัน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บริเวณนอกสำนักงานออกหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต)แห่งหนึ่งในเมืองมัณฑะเลย์ รวมถึงการเข้าแถวยาวเหยียดบริเวณด้านนอกของสถานทูตต่างๆ รวมถึงสถานทูตไทยในเมียนมา เป็นผลจากการประกาศบังคับให้ชายหนุ่มอายุ 18-35 ปี และหญิงสาวอายุ 18-27 ปีเข้ารายงานตัวเป็นทหารเกณฑ์ผลัดใหม่ในระยะแรก 5,000 คน ซึ่งจะเริ่มหลังจากเทศกาลสงกรานต์ หรือ กลางเดือนเม.ย.นี้



          นายแชมเบอร์ส มองว่า เรื่องนี้ สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลเมียนมาต้องการจะปรับเปลี่ยนแนวคิดของกลุ่มคนหนุ่มสาว ซึ่งเคยเป็นแกนนำการประท้วง ให้เข้ามาเป็นกลุ่มแนวร่วมของกองทัพเมียนมา อีกทั้งเป็นหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่า กองทัพเมียนมาเริ่มอ่อนแอ โดยมาตรการบังคับเช่นนี้จะทำให้มีคนอีกมากถูกปราบปรามกระทั่งเสียชีวิต หรือกระทบต่ออนาคตของพวกเขา ทำให้คนหนุ่มสาวจำนวนมากตัดสินใจหนีออกนอกประเทศ



          แต่หลายคนไม่มีทางเลือกอื่น ต้องเข้ารายงานตัวเป็นทหารเกณฑ์ ซึ่งในที่สุดพวกเขาจะต้องเข้ามาใช้กำลังเข้าปราบปรามฝ่ายต่อต้าน ซึ่งล้วนเป็นเพื่อนร่วมชาติ ขณะเดียวกัน การศึกษาของคนหนุ่มสาวได้รับผลกระทบจากการทำรัฐประหารจากเหตุความไม่สงบในประเทศ ซึ่งต่อเนื่องจากการปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในช่วงโรคโควิด-19 ระบาดหนักเมื่อ 2-3 ปีก่อน



         ที่ผ่านมา รัฐบาลเมียนมาประสบกับกระแสคัดค้านจากผู้ประท้วงคัดค้านการทำรัฐประหาร 1 ก.พ. 2564 ที่จับมือเป็นแนวร่วมกับกลุ่มติดอาวุธของชนกลุ่มน้อย เพื่อเดินหน้าโค่นล้มรัฐบาลชุดปัจจุบัน นอกจากนั้น กองทัพเมียนมาสูญเสียดินแดนขนาดใหญ่ในพื้นที่ชายแดนบางแห่งให้กับกลุ่มติดอาวุธของชนกลุ่มน้อยในช่วง 2-3 เดือนมานี้  คือในรัฐฉานทางภาคเหนือและบางท้องที่ของรัฐยะไข่ทางภาคตะวันตกของประเทศ



          เหตุรุนแรงในเมียนมาจากสงครามกลางเมือง ทำให้ชาวเมียนมาหลายพันรายเสียชีวิต ขณะที่สหประชาชาติ(ยูเอ็น)คาดว่า ประชาชน 2.6 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย



 



#สถานการณ์เมียนมา

ข่าวทั้งหมด

X