นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เพื่อก้าวสู่อันดับ 1 ของภูมิภาค ตามที่ได้ประกาศบนเวที IGNITE Thailand ได้หารือกับ คุณพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคุณคมกฤช เกียรติดุริยกุล กรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ
1. ติดตามความคืบหน้าของมาตรการกำกับดูแลเรื่อง Short Sale และ Program Trading ให้โปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย Short Sale คือ การยืมหุ้นมาขายเพื่อลงทุนในช่วงที่ดัชนีอยู่ในทิศทางขาลง ซึ่งเป็นกลยุทธ์การลงทุนหนึ่งที่ได้รับความนิยมในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรง โดยนักลงทุนไม่จำเป็นต้องมีหุ้นตัวนั้นอยู่ในพอร์ต แต่สามารถไปยืมหุ้นจากโบรกเกอร์ที่ตัวเองเปิดบัญชีซื้อขายอยู่มาทำการขายออกไปก่อนหลังจากนั้น หากราคาหุ้นปรับลดลงตามที่ประเมินเอาไว้ นักลงทุนก็จะสามารถทำการซื้อหุ้นตัวนั้นในราคาที่ต่ำกว่าตอนที่ยืมมาแล้วนำไปคืนให้โบรกเกอร์เพื่อทำกำไรได้ ซึ่งหลักการ Short Sell ที่ถูกต้อง นักลงทุนจะต้องมีหลักฐานการยืมหุ้นจริงจากโบรกเกอร์ และต้องสามารถตรวจสอบได้
2. เร่งรัดประเด็น Financial และ Digital Asset Hub และการเป็นศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิตให้เกิดโดยเร็ว
3. มอบนโยบายให้ตลาดหลักทรัพย์ทำงานหนัก (hard working) และมีความมุ่งมั่น ปรารถนา (Ambition) ให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็น Regional Hub ของตลาดทุนในภูมิภาคนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
ประเทศไทยมีสภาพแวดล้อม และศักยภาพไปสู่จุดมุ่งหมาย เพียงแต่เราต้องพัฒนาให้ประเทศหลุดจากข้อจำกัด เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็น “ตัวเลือกที่ดีที่สุด” และเป็น Wall Street ของอาเซียน มีรายงานว่า วันนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับมติคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ได้เห็นชอบในหลักการเรื่อง มาตรการยกระดับความเชื่อมั่นเรื่อง short selling และ program trading รวมถึงมาตรการเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติอนุมัติในหลักการให้นำผลการศึกษากฎหมาย กฎเกณฑ์ และแนวทางการกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำในต่างประเทศมาใช้ประกอบการพิจารณาปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแลการขายชอร์ต (short selling) และการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขาย (program trading) ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อยกระดับการกำกับดูแลและเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนทุกประเภทนั้น
กรณีพบการกระทำผิดเกี่ยวกับการขายชอร์ต จะกำหนดระวางโทษปรับที่จะลงต่อสมาชิกเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 3 เท่า ซึ่งเทียบเคียงได้กับแนวทางการลงโทษของตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำในต่างประเทศ นอกจากนี้ จะนำเสนอหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลในการพิจารณาแก้ไขกฏหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถลงโทษผู้ลงทุนที่เป็นผู้กระทำผิดได้โดยตรงด้วย เพื่อให้การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นไปอย่างเป็นระเบียบ (orderly) และป้องกันความผันผวนผิดปกติของราคา รวมถึงป้องปรามพฤติกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เหมาะสม รวมถึงสร้างความสมดุลระหว่างกลุ่มผู้ลงทุน จะยกระดับมาตรการกำกับดูแล program trading
#ตลาดหลักทรัพย์
แฟ้มภาพ
CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ เศรษฐา ทวีสิน Srettha Thavisin