การช่วยเหลือ ชาวโรฮิงญา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ขอให้องค์กรต่างๆ บางประเทศ เข้าใจประเทศไทย เพราะเราแบกรับภาระเยอะมาก หากท่านเห็นใจคนหลบหนีเข้าเมืองมา และถ้าประเทศท่านมีความพร้อมก็สามารถรับไปดูแลได้
ส่วนการให้ที่พักพิงชั่วคราว จะต่างจากศูนย์พักพิงที่เรามีอยู่ 9 แม้ในอดีตมีผู้หลบหนีเข้าที่ไทยหลายแสนคน เข้ามาประเทศตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์ แต่ตอนนี้ก็ลดระดับลง จากการทำงานร่วมกัน ทั้งเมียนมาก็จะรับประชาขนของเขากลับไป เพราะเป็นเรื่องของผู้หนีภัยการสู้รบ แต่สำหรับกรณีชาวโรฮิงญา ขอชี้แจงว่าเป็นคนละกรณีกัน เพราะเป็นการหลบหนีเข้าเมืองที่ไม่ถูกต้อง ในส่วนของทางทหารนั้น เราไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายในการควบคุมตัว แต่เราจะดูแลด้านความมั่นคง ถ้ามีคนหลบหนีเข้ามามาก และสถานที่ควบคุมไม่เพียงพอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้นโยบายในการจัดเตรียมพื้นที่เอาไว้ โดยให้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมดูแลได้โดยตรง ตามหลักสิทธิมนุษยชน ย้ำว่าไม่มีการผลักดัน หรือผลักใสไล่ส่งใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเราเป็นประเทศกลางทาง ที่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของชาวโรฮิงญา ถ้าพบว่าเจ็บป่วยก็จะนำเข้ามารักษาพยาบาล ถ้าหายจากการเจ็บป่วยแล้ว และต้องการเดินทางไปประเทศที่ 3 แต่ถ้าพวกเขาไม่ต้องการเดินทางต่อไปประเทศที่ 3 ก็จะนำจะนำตัวเข้ามาสู่ระบบการควบคุมตัว ในลักษณะคนหลบหนีเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย โดยการปฏิบัติดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายที่ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
สำหรับการประชุมร่วมกัน ระหว่าง กระทรวงต่างประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ในวันนี้ เป็นการหารือ เพื่อแก้ไขปัญหา และในวันที่ 29 พฤษภาคม ก็จะมีการจัดประชุมร่วมกับประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยข้อมูลที่ผู้สื่อข่าวสอบถามก็จะหารือให้ชัดเจน และก็จะเสนอกลับไปยังองค์กรเหล่านั้น ส่วนใครก็ตาม ที่มีเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ จะลงโทษอย่างเด็ดขาด เพราะได้พูดคุยกับพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว ว่าไม่ต้องเกรงใจใดๆถ้ามีพยานหลักฐาน ก็ขอให้ดำเนินการได้อย่างเต็มที่